Wonder Girls (ซอนเย ยูบิน เยอึน โซฮี เฮริม) คัมแบ็คในรอบ 1 ปี 6 เดือน หลังจากผลงาน '2DT (2 Different Tears)' พร้อมกับผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 'Wonder World' ภายใต้ภาพลักษณ์และอารมณ์ที่แตกต่างไปจาก Wonder Girls ในอดีต
โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พวกเธอได้เปิดห้องให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ โรงแรงอิมพีเรียลพาเลซ พร้อมแนะนำผลงานอัลบั้มชุดใหม่ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวทีเซอร์และมิวสิควีดีโอให้กับบรรดาผู้สื่อข่าว โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของพวกเธอก็เป็นอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมอีกด้วย
สำหรับผลงานเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มใหม่อย่าง 'Be My Baby' เป็นการตีความเพลงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นในสไตล์อัพเทมโปที่ได้รากฐานมาจากดนตรีแนวโซล โดยทั้งคอนเซ็ปต์และท่าเต้นก็จะมีความแตกต่างไปจาก Wonder Girls เดิมๆด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้พวกเธอเผย "เรื่องเกี่ยวกับไตเติ้ลในอัลบั้มนี้พวกเรามีการพูดคุยกันเยอะมากเลยค่ะ ความจริงแล้วจากการที่พวกเราหายจากวงการไปนาน ทำให้แฟนๆต้องการอะไรที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น" เธอกล่าว ด้านเยอึน เผย "ภายในของพวกเราเองก็มีความคิดที่แตกต่างกันค่ะ แต่เราคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำเพลงดีๆและเผยพัฒนาการของพวกเราให้แฟนๆได้สัมผัสกัน" เธอกล่าว "ความจริงแล้วแม้ว่าชุดนี้เราจะไม่ได้มาพร้อมกับเพลงแนวดิสโก้ย้อนยุค แต่ว่ามันก็ยังเป็นเพลงแนวอัพเทมโปเมโลดี้แนวโซลในยุค 60 ที่ถูกทำให้ทันสมัยมากขึ้น" เสริม "เป็นการผสมผสานระหว่างความเรโทรและเทรนดี้ โดยเครื่องแต่งกายของเราก็จะใช้คอนเซ็ปต์ลายจุดเพื่อพยายามหาความสมดุลย์ค่ะ" เธอกล่าว
อีกทั้ง กับคำถามอย่าง "เน้นแนวเพลงป๊อปทำเพื่อเป้าหมายอย่างตลาดเพลงอเมริกาหรือเปล่า" ด้านซอนเย เผย "พวกเราทำเพลงนี้โดยให้น้ำหนักว่านี่คืออัลบั้มในเกาหลีมากกว่าค่ะ" เสริม "ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะมีท่อนซ้ำที่น้อยกว่าเพลง 'Tell Me', 'Nobody' ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากสไตล์เดิมของพวกเรา แต่เราก็คิดว่าทุกคนจะได้ฟังเพลงที่ติดหู และเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปจากอารมณ์เพลงซ้ำๆแนวเดิมค่ะ" เธออธิบาย
ด้วยเหตุนี้ ทำให้สไตล์การร้องเพลงของพวกเธอเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะส่วนที่พวกเธอต้องร้องเพลงสไตล์ผสมผสานระหว่างตัวตนจริงๆกับฟอลเซทโต้ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่แตกต่างของพวกเธอมากยิ่งขึ้น ด้านซอนเย เปิดเผยว่า "พวกเราพยายามอย่างหนักที่จะเน้นสไตล์การร้องที่สบายๆในบรรยากาศแบบโซล มากกว่าเพลงเดิมๆ อย่าง 'Tell Me', 'Nobody' หลังจากที่เราตัดสินใจอยากให้แฟนได้ฟังเสียงที่สบายๆจากพวกเรา เราก็คิดว่าการใช้เทคนิคการร้องแบบที่แตกต่างไปจากเพลงเดิมๆน่าจะดีกว่าค่ะ" เธอกล่าว
ไม่ได้มีแต่แนวเพลงที่แตกต่างเท่านั้น ท่าเต้นของพวกเธอก็แตกต่างไปด้วยเช่นกัน เดิมที Wonder Girls มักจะมาพร้อมกับท่าเต้นซ้ำๆโดยมีจุดเด่นที่แฟนสามารถเต้นตามได้อย่างง่ายๆ แต่ในผลงานชุดนี้พวกเธออัพเกรดท่าเต้นให้ดูเหนือชั้นมากยิ่งขึ้น ชวนให้นึกถึงท่าเต้นสไตล์เดียวกับ บียอนเซ (Beyonce) ซึ่งพวกเธอก็ยังได้ร่วมงานกับ Jonte นักออกแบบท่าเต้นที่เคยทำงานให้กับเพลง 'Single Ladies' ของ Beyonce มาก่อนหน้านี้ ด้านยูบิน เปิดเผยว่า "ในระหว่างที่เราทำงานกับศิลปินต่างประเทศพวกเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งรู้สึกดีมากๆค่ะ พวกเราได้ลองแต่งตัวในสไตล์ต่างๆมากมาย แต่ว่าจากสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้น ฉันคิดว่ามันทำให้พวกเราได้เติบโตขึ้นค่ะ" เธอกล่าว
ยูบิน กล่าวต่อ "เป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้สึกว่าท่าเต้นในครั้งนี้มันทำให้เหนื่อยมากค่ะ" เธอกล่าวเผยให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในความเหนือชั้นของท่าเต้น ทางด้านเยอึน กล่าว "ท่าเต้นบางท่าเราตั้งใจให้ยากด้วยค่ะ" เธอกล่าวยอมรับ ในขณะเดียวกัน "ช่วงนี้เวลาพวกเราดูยูทูป เราเห็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีท่าเต้นเจ๋งๆกันเยอะมากเลยค่ะ ดังนั้นเราจึงอยากให้การบ้านกับทุกคนลองเต้นตามท่าของพวกเราบ้างค่ะ" เธอกล่าวต่อ "แม้ว่าท่าเต้นจะยากนิดนึงแต่ว่าก็มีท่าที่น่ารักและสนุกๆเยอะเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะท่าเต้นหลักก็คือท่อนคอรัสค่ะ" เธอกล่าวพร้อมอธิบายท่าเต้นที่เตรียมมาสร้างกระแส Wonder Girls Dance อีกครั้งหนึ่ง
อนึ่ง ในผลงานอัลบั้มชุดนี้ Wonder Girls ได้มีส่วนร่วมในการทำงานเพลงและเพลงดูเอ็ทของสมาชิกก็ได้รับความสนใจจากแฟนๆ โดยเยอึนและซอนเยมาในเพลง '두고두고', โซฮีและยูบินมาในเพลงสไตล์ชิคสุดโดดเด่นอย่าง 'SuperB', เฮริม มาในเพลงสุดมาดมั่นทรงเสน่ห์ 'Act Cool' นอกจากนี้ เยอึนยังมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ประพันธ์ทำนอง คำร้อง ในเพลง 'G.N.O' และ 'Me,in' ที่ทำหน้าที่ประพันธ์ทำนอง คำร้อง และเรียบเรียง ส่วน ยูบิน ก็ทำหน้าที่แร็พเมคกิ้งในเพลง 'Girls Girls', 'Me, in' และ 'Sweet Dreams', เฮริม แร็พเมคกิ้งในเพลง 'Act Cool' นับเป็นการเข้าร่วมทำงานของสมาชิกที่ทุกคนต้องจับตามอง