ชาวบ้านร้องสื่อ ตรวจสอบพระในวัดที่ จ.กาญจนบุรี มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม รับดูดวงจากไพ่ป๊อก มักทำนายคนมีเคราะห์ ต้องเสียค่าทำพิธีคนละ 5,000 บาท พบจัดตั้งวัดไม่ถูกต้อง
วันที่ 21 เมษายน 2559 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน จ.กาญจนบุรี ขอให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของพระในวัดแห่งหนึ่งที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังพบมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังสังเกตพบว่าพระรูปนี้จำวัดมานานร่วม 20 ปี แต่ไม่เคยเห็นออกบิณฑบาตรแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งยังรับดูดวงจากไพ่ป๊อก และมักจะทำนายว่ามีเคราะห์ร้าย ต้องทำพิธีรับขันรายละ 5,000 บาท อีกทั้งสถานที่ดังกล่าวยังขึ้นป้ายเป็นวัดทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีให้ใช้สถานะเป็นวัด ที่ผ่านมามีคนต่างถิ่นหลงเชื่อเข้าไปทำบุญและดูดวงกันมาก ขณะที่ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวก็ไม่กล้าทำอะไร เนื่องจากเห็นว่ามีอดีตข้าราชการในท้องที่เป็นผู้ดูแลวัด
หลังจากได้รับแจ้ง ผู้สื่อข่าวได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าตรวจสอบวัดดังกล่าวร่วมกัน โดยจากการสังเกตการณ์พบว่าในวัดดังกล่าวมีพระจำวัดอยู่เพียงรูปเดียว ในวัดมีคนงาน 2-3 คนดูแล ไม่มีพระอุโบสถรวมถึงเมรุเผาศพสำหรับประกอบกิจของสงฆ์ อีกทั้งจากการเฝ้าดูในเวลา 05.00-07.30 น. อันเป็นเวลาออกบิณฑบาตร ก็ไม่พบพระรูปดังกล่าวออกบิณฑบาตรแต่อย่างใด
ในทางกลับกันพระรูปนี้ได้ลงจากกุฏิมารับดูดวงตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. ยกเว้นวันพระ ในบริเวณนั้นยังมีป้ายติดอย่างชัดเจนว่า "ดูดวงชะตา แก้ปัญหาชีวิต ธูปเทียน ดอกไม้ บุหรี่ เงิน 140 บาท ขาดตัวห้ามต่อ กรุณานำมาเองจ๊ะ" แถมยังมีป้ายเชิญชวนทอดกฐิน ราคากองละ 2,559 บาท อีกด้วย โดยในการดูดวงพระรูปนี้จะใช้ไพ่ป๊อกดู และขอชื่อ นามสกุล รวมถึงวันเดือนปีเกิด ของผู้ที่จะมาดู
จากนั้นทีมงาน 7 คนได้แฝงตัวเป็นชาวบ้านทำทีเข้าไปขอให้พระรูปนี้่ดูดวงให้ด้วย โดยพบสิ่งที่น่าสนใจเมื่อทีมงานทั้ง 7 คน ถูกทักว่าดวงตกทั้งหมด จะเกิดอุบัติเหตุ จะเป็นโรคร้าย ทั้งยังบอกว่าทุกคนมีองค์เทพคุ้มครอง ต้องทำพิธีรับขันมิเช่นนั้นจะเกิดเหตุเลวร้ายขึ้น แถมคนที่มีภรรยายังถูกทักว่าภรรยามาดวงกินผัว ต้องนำภรรยามาทำพิธีด้วย โดยต้องทำพิธีกับพระรูปนี้เท่านั้น เพราะที่อื่นจะแก้ไม่ตรงจุดทำให้ชะตายิ่งเลวร้าย มีค่าทำพิธี 5,000 บาทต่อ 1 ขัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเดินทางมาพร้อมกับทีมงาน ได้เข้าตรวจสอบภายในวัดพบว่าด้านหลังพระประธานของโบสถ์ มีลังบรรจุเหล้าขาวและลังเบียร์วางซ้อนกันอยู่ บางลังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ยังไม่ถูกเปิด ทำให้ไม่แน่ใจว่าภายในเป็นเหล้าเบียร์จริงหรือไม่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบใบฎีกาในซองกฐินที่ทางวัดจัดขึ้น ยังพบมีชื่อนายตำรวจจำนวนมากที่ถูกระบุว่าเป็นรองประธาน หรือเป็นกรรมการฝ่ายฆราวาส แต่เมื่อทีมข่าวลองสุ่มสอบถามไปยังตำรวจยศ พ.ต.ท. รายหนึ่ง ที่ปรากฏชื่อในใบฎีกา กลับได้ข้อมูลว่านายตำรวจท่านนั้นไม่เคยรู้จัดวัดนี้มาก่อน และไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีชื่อของตนเองและครอบครัวปรากฏอยู่ด้วย
จากการสอบถามชาวบ้าน ทำให้ทราบว่าคนในพื้นที่ไม่ค่อยเข้าวัดแห่งนี้เพราะไม่นับถือพระที่มีพฤติกรรมไม่ดี โดยมีข่าวว่าเคยถูกไล่ออกมาจากวัดแห่งหนึ่งในตำบลเดียวกัน ก่อนมาเปิดวัดของตัวเองบนที่ของข้าราชการในท้องที่เมื่อ 20 ปีก่อน โดยอดีตข้าราชการรายดังกล่าวกับพระรูปนี้ได้ร่วมกันสร้างวัดและขึ้นป้ายว่าเป็นวัด ทั้งที่ไม่ได้มีการขอจัดตั้ง หรือได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ที่ผ่านมามักจะมีคนจากกรุงเทพฯ และคนต่างถิ่นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปของวัด ถูกคนชักชวนให้เข้ามาทำบุญ มาจัดงานกฐิน งานผ้าป่า ทั้งที่วัดแห่งนี้ทำไม่ได้ จากนั้นเมื่อพระดูดวงให้คนเหล่านี้ก็จะเกิดความกังวล จำต้องจ่ายเงินจำนวนมาเป็นค่าทำพิธี โดยบางวันมีคนมาดูดวงมากถึง 250 คน
หลังจากนั้นทีมข่าวจึงติดต่อไปทางจังหวัด ทำให้ทราบข้อมูลว่าวัดแห่งนี้ไม่เคยยื่นขอจดทะเบียนหรือขอจัดสร้างวัด จึงไม่สามารถใช้คำนำหน้าว่าวัดได้ ส่วนที่ดินผืนนั้นเป็นของ สปก. หากจะนำไปใช้ประโยชน์ต้องได้รับอนุญาตจาก สปก.จังหวัด ก่อน เนื่องจากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ที่ในป้ายประวัติของวัดระบุว่าซื้อที่ดินผืนนี้มาจากข้าราชการ ก็พบว่าที่ดินบริเวณนี้ไม่สามารถซื้อ-ขายได้ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ทางจังหวัดจึงได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด รวมถึงฝ่ายปกครองทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้โดยเร็วที่สุด
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร