(แฟ้มภาพ)
ศานิตย์ ลั่น ขำไม่ออก ปมหนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องข้อหาเมาแล้วขับ เหตุเชื่อแม่บ้านบอกเมาหลังกลับถึงบ้าน พร้อมเร่งหาหลักฐานเป็นรูปธรรม ยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชาการ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ พุ่งชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่ป. สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเหตุเกิดปี 2555 แต่พนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีปล่อยให้ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ที่ยื่นฟ้องดำเนินคดีทายาทกระทิงแดงขาดอายุความ ว่า สำหรับกรณีพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องข้อหา เมาแล้วขับ โดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาเมาหลังขับรถ เพราะผู้ต้องหาดื่มเหล้าหลังจากเหตุ เนื่องจากกลุ้มใจจึงดื่มสุรานั้น และไม่ได้ดื่มสุราก่อนเกิดเหตุนั้น คงต้องพิจารณาต่อไปว่าเหตุใดพนักงานสอบสวนจึงเชื่อคำให้การของแม่บ้านที่ระบุว่า ผู้ต้องหามึนเมาหลังจากเกิดเหตุ แต่กลับไม่เชื่อข้อมูลที่ตรวจพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้มีการขับรถมาโดยมีแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเกิดกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้ใครอาจมองเป็นเรื่องขำขัน แต่ตนขำไม่ออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการค้าสำนวนหรือไม่ พล.ต.ท. ศานิตย์ ระบุว่า ต้องตรวจสอบว่ามีการให้ผลประโยชน์กับหรือเปล่า หากไม่มีการให้ผลประโยชน์ก็ไม่เป็นการค้าสำนวน แต่หากตรวจสอบพบว่ามีรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินการดังกล่าวจะมีความผิดตามกระบวนกฎหมายอาญาอย่างแน่นอน
พล.ต.ท. ศานิตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการสอบสวนทางวินัยพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จะออกมาเมื่อใดนั้นยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีหลายชุด บางคนทราบเรื่องบางคนไม่ทราบ ซึ่งบางคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่นครบาล โดยตนเองจะรีบรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบสำนวนคดีเก่า ซึ่งมีอยู่ 2 สำนวน ได้แก่สำนวนที่คนขับรถบ้านทายาทกระทิงแดงรับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถชนผู้ตาย และสำนวนคดีของนายวรยุทธ ที่ขับรถโดยประมาท,ชนแล้วหนี,ขับรถเร็ว,เมาแล้วขับ เพื่อนำมาตรวจสอบว่าบกพร่องในส่วนใด อย่างไรก็ตามถือว่าสำนวนคดีมีความผิดปกติแน่นอน
พล.ต.ท. ศานิตย์ ระบุอีกว่า ขณะนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นไปแล้ว พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้ส่งสำนวนให้อัยการเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นหากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไม่แน่นหนา ซึ่งหากมีการยืนยันว่านายวรยุทธ เป็นผู้กระทำผิดจริง ต้องพยายามที่จะหาหลักฐานเพื่อประกอบในสำนวนการสอบสวนให้สมบูรณ์ เมื่อส่งให้อัยการก็จะสั่งฟ้องโดยปราศจากข้อสงสัย เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ ส่วนในอนาคตจะมีการสั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานให้หนาแน่นขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการ ตนทำได้เพียงสิ่งที่สามารถทำได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจ เพราะขณะนี้สังคมเชื่อว่านายวรยุทธ เป็นผู้กระทำความผิดจริง ตำรวจก็ต้องหาหลักฐานและทำให้เป็นรูปธรรม และกำลังหาวิธีการอยู่ แต่เบื้องต้นมีคำตอบในใจแล้วแต่ไม่สามารถบอกได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา ผู้ถูกกล่าวหา ญาติผู้ตาย ผู้ตาย หรือผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้หากตรวจพบว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีมีความผิดในทางอาญาก็ต้องดำเนินคดี หากมีความผิดทางวินัยก็ดำเนินการทางวินัยและต้องยึดหลักถูกต้องมากกว่าความถูกใจ