ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน-ขับรถยนต์ในลักษณะมึนเมา ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมคุมตัวฟากขังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 12 วัน
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยขณะเดินทางมาที่โรงพยาบาลบางปะอิน เพื่อสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่ปฎิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สังคมยังมีข้อสงสัยว่าพนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา ได้มีการสั่งการให้โรงพยาบาลตรวจวัดแอลกอฮอล์ นายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหาที่ขับรถเบนซ์พุ่งชนรถของ 2 นักศึกษาปริญญาโท จริงหรือไม่ ว่า จากการสอบปากคำพยาบาลในวันเกิดเหตุยืนยันว่าพนักงานสอบสวนได้ร้องขอให้พยาบาลตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ แต่ผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ และจะขอตรวจที่โรงพยาบาลสมิติเวชเท่านั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม อีก 2 ข้อกล่าวหา คือ ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.จราจร และขับรถยนต์ในลักษณะมึนเมา ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจากโรงพยาบาลสมิติเวช มาขอหมายขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 12 วัน ส่วนเรื่องการประกันตัว ต้องรอให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ได้ตั้งคณะกรรมการทำชุดใหม่ 9 ราย เพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว ส่วนพนักงานสอบสวนที่ทำคดีก่อนหน้านี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว กรณีที่ทำคดีล่าช้า ขณะที่ผลการตรวจสอบหาสารเสพติดของผู้ต้องหานั้น ยังสามารถตรวจหาได้ทั้งจากเส้นผม เล็บ และกระแสเลือด
พลตำรวจเอก พงศพัศ ระบุถึงกรณีที่มีคำสั่งย้าย ผู้กำกับ สภ.พระอินทร์ราชา และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ไปปฎิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 ด้วยว่า เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินคดี
ส่วนที่ปรากฏคลิปภาพรถเบนซ์ฝ่าด่านไม้กั้น บริเวณด่านพระราม 4 นั้น คาดว่าจะเป็นรถคันเดียวกันของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตามจะเร่งประสานไปยังการทางพิเศษฯ เพื่อตรวจสอบรถคันดังกล่าวอีกครั้ง