หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียมเงินให้พร้อม ! พาส่องขบวนสินค้าจาก Apple Event 2022 ของใหม่จัดเต็มมากแม๊~  (อ่าน 846 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499



กระเป๋าสตางค์สั่นไม่ไหว งานนี้สอยอะไรก่อนดี 

ก็แหม... Apple Event เปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งที งานนี้ก็เตรียมเสียเงินตั้งแต่ต้นปีกันไปเลยสิครับ ! และถึงแม้ว่างานนี้ iPhone 14 ที่หลายคนรอคอยจะยังไม่เปิดตัว แต่พ่อทิม คุก ของัดไม้เด็ดอย่าง iPhone 13 สีใหม่ มายั่วใจให้สาวกอย่างเราได้สบายใจกันก่อนหนึ่ง

ยัง ยังไม่หมด สำหรับใครที่รอคอยรุ่นใหม่ของ iPhone SE ก็ถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอยกันแล้ว เพราะ iPhone SE 2022 ได้เปิดตัวที่งานนี้เป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญ ขบวนสินค้าใหม่ของเค้ายังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ส่วนจะมีอะไรบ้าง ตามเปย์เป้มาอัปเดตกัน !








สิ้นสุดการรอคอย !
กับงานเปิดตัวขบวนสินค้าใหม่จาก Apple "ครั้งแรกในปี 2022"


ไหน ขอเสียงเพื่อน ๆ ที่อยู่ดูงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เมื่อคืนนี้กันหน่อยยยย สำหรับ Apple Event ที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้ เค้ามาในธีมของ Peek Performance  ซึ่งบรรดาผลิตภัณฑ์ที่ ทิม คุก CEO คนปัจจุบันของ Apple เปิดตัวมาแต่ละอย่างนั้น บอกเลยว่าพีคสมชื่อ ส่วนจะมีอะไรบ้าง ตามเปย์เป้มาไล่กันไปทีละตัวเลยดีกว่าาา 









Mac Studio "เล็ก แต่แรง" มาพร้อมกับชิปใหม่ M1 Ultra

เปิดตัวได้พีคมากเวอร์ เพราะ MAC Studio เค้ามาพร้อมชิป M1 Ultra ชิปใหม่ที่แรงกว่า M1 Max ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อตอนปลายปี 2021  สำหรับหน้าตาของ Mac Studio นี้รูปร่างเค้าคล้าย ๆ กับ Mac mini เหมือนเป็น CPU ขนาดเล็กแต่ความแรงก็คือไม่มีแผ่ว เหมาะสำหรับการใช้งานใน Studio เป็นที่สุด !









แรงทะลุจักรวาลด้วยชิป M1 Ultra

ไม่ได้อวยเลยนะ แต่เปย์เป้จะบอกว่าเจ้าชิป M1 Ultra นี้ได้ขึ้นแท่นเป็น ชิปที่แรงที่สุดในโลกไปแล้ว  (เอ้า ปรบมือ) ด้วยโปรโมชั่นความเร็วและแรงของเจ้าชิปตัวนี้ ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน CPU เร็วกว่าเดิมถึง 3.8 เท่า สามารถเล่นวิดีโอ ProRes 422 ระดับ 8K ได้สูงสุด 18 สตรีม ซึ่งยังไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นไหนทำได้มาก่อน บร๊ะ!









การเชื่อมต่อแบบจัดเต็ม

ความพีคอย่างถัดมาก็คือเรื่องของการเชื่อมต่อที่ ให้มามากถึง 12 พอร์ต ไม่ว่าจะเป็น Thunderbolt 4, ช่องอ่าน SDXC, ช่องเสียบสาย LAN, USB-A, HDMI 3.5mm, ช่องเสียบหูฟัง คือมีมาให้แบบครบถ้วน หรือถ้าใครอยากดูภาพแบบจอใหญ่ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Pro Display XDR ได้สูงสุด 4 จอ และทีวี 4K จำนวนอีก 1 เครื่องด้วย









ขนาดกำลังพอดี วางตรงไหนก็ไม่เกะกะ

แม้ว่า Mac Studio จะมาในขนาดที่ใหญ่กว่า Mac mini แต่โดยรวมแล้วเปย์เป้ว่าขนาดมันก็ไม่ได้มีขนาดที่เทอะทะจนเกินไป จะอยู่ที่ 19.7 ซม. เท่านั้นเอง  สามารถวางกับตัว Mac Display ได้สบาย ไม่กินพื้นที่บนโต๊ะเยอะ แล้วเห็นเล็ก ๆ แบบนี้แต่ระบบระบายอากาศน้องเค้าก็ไม่ธรรมดาเลยนะ เพราะครึ่งบนของตัวเครื่องเป็นระบบระบายความร้อนทั้งหมด สามารถทำงานที่เวิร์กโหลดใหญ่ ๆ ได้แบบที่ไม่มีเสียงพัดลมระบายความร้อนมากวนใจเลยด้วย

สำหรับ Mac Studio ตัวนี้มีชิปให้เลือกทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่ ชิป M1 Max ราคา 69,900 บาท  กับชิป M1 Ultra สนนราคาที่ 139,900 บาท  ยังไม่ได้ประกาศเปิดขายในไทย ใครที่อยากได้ตอนนี้นั่งเก็บเงินเป็นเพื่อนเป้ไปก่อนเด้อ~








Studio Display ภาพชัดแตกแตนด้วยจอภาพ Retina 5K

ใหม่หมดจด กับ Studio Display ที่เกิดมาเพื่อให้ใช้งานคู่กับ Mac Studio และ Mac ทุกรุ่นได้อย่างลงตัว นอกจากดีไซน์ตัวเครื่องอะลูมิเนียมที่บางเฉียบสะดุดตา ยังสามารถปรับความเอียงของจอภาพได้สูงสุดถึง 30 องศา มาพร้อมคุณสมบัติล้ำ ๆ ที่ควรค่าแก่การครอบครองเป็นอย่างมาก !







ตัว Studio Display ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Apple Silicon มาพร้อมกับโปรชิป A13 Bionic ซึ่งเป็นหัวใจหลักของฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่าง จัดให้อยู่ตรงกลาง, ระบบเสียงตามตำแหน่ง และหวัดดี สิริ’  แต่ไฮไลต์หลักคงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก จอภาพ Retina 5K ขนาด 27 นิ้ว ที่สายกราฟิกและตัดต่อวิดีโอเห็นต้องเป็นปลื้ม เพราะมีมากกว่า 14.7 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยความสว่างสูงสุด 600 นิต รวมถึงการรองรับเขตสีกว้างแบบ P3 และสีสันมากกว่า 1 พันล้านสี มาพร้อมเทคโนโลยี True Tone ที่ปรับอุณหภูมิสีของจอภาพโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม โดยเจ้า Studio Display มาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ให้เลือกตามการใช้งาน 2 แบบ คือ



1. จอภาพกระจกมาตรฐาน เคลือบสารกันสะท้อนระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ที่ลดการสะท้อนแสงต่ำมาก ช่วยให้สบายตาและอ่านง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 54,900 บาท



2. จอภาพกระจก Nano-texture เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแสงจ้าอย่างบริเวณที่มีแดดส่อง จะทำให้เกิดการกระเจิงของแสง ช่วยลดแสงสะท้อนได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังคงถ่ายทอดภาพที่คมชัดและโดดเด่น โดยเปิดตัวครั้งแรกกับ Pro Display XDR ราคาเริ่มต้นที่ 65,400 บาท









นอกจากนี้ยังมาพร้อมฐานตั้ง 2 แบบ  คือฐานตั้งสำหรับปรับความเอียง และ ฐานตั้งที่ปรับได้ทั้งความเอียงและความสูง เท่านั้นยังไม่พอ ! ยังมีตัวอะแดปเตอร์ตัวยึด Vesa ทำให้สามารถหมุนหน้าจอใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเลย









เสียงกระหึ่มระดับโรงภาพยนตร์ ด้วยลำโพง 6 ตัว

Studio Display มาพร้อมไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัวเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนขณะที่เรากำลังวิดีโอคอล และมาพร้อมลำโพงทั้งหมด 6 ตัว แบ่งเป็น วูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น 4 ตัว ให้เสียงเบสหนักแน่น และยังมี ทวีตเตอร์ประสิทธิภาพสูงอีก 2 ตัว ช่วยให้เสียงกลางและเสียงสูงที่ใสกริ๊ง

นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงตามตำแหน่ง พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ด้วย เปย์เป้บอกเลยว่าการมี Studio Display ที่บ้าน ให้ฟีลไม่ต่างจากการเหมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัวยังไงยังงั้น !









ฟีเจอร์จัดให้อยู่ตรงกลาง ครั้งแรกของ Mac

สำหรับกล้องของ Studio Display ก็ไม่ใช่ว่าไก่กา เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ให้ความละเอียดมากถึง 12 MP  และมี promotion มุมมองภาพกว้างถึง 122 องศา มาพร้อมกับฟีเจอร์ จัดให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งปกติแล้วฟีเจอร์นี้เราจะเห็นแค่บน iPhone และใน iPad เท่านั้น แต่ Studio Display เป็น Mac รุ่นแรกที่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ ไม่ว่าเราจะขยับตัวไปทางไหน ฟีเจอร์นี้จะแพนกล้องตามการเคลื่อนไหว และจับภาพให้เราอยู่ตรงกลางเสมอ รวมถึงถ้ามีคนเพิ่มขึ้นในเฟรม หน้าจอจะขยายให้เองโดยอัตโนมัติ สามารถใช้งานฟีเจอร์ได้กับ FaceTime, Webex รวมถึง Zoom เลยจ้าา









พอร์ตน้อยแต่เชื่อมต่อได้ไม่มีสะดุด

Studio Display มีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อมาให้ทั้งหมด 4 พอร์ตด้วยกัน แบ่งเป็น USB-C  3 พอร์ต สำหรับการจ่ายไฟและเชื่อมต่อไดร์ฟจากภายนอก และ Thunderbolt 1 พอร์ต  สำหรับการเชื่อมต่อกับ Mac โดยสามารถใช้สายร่วมกับสาย Macbook ได้เลย







นอกจากนี้ทาง Apple ยังเปิดตัว อุปกรณ์เสริมเอาใจสายเข้ม  ด้วยสีใหม่อย่างสีเงิน-ดำ ที่เข้ากันแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็น

Magic Keyboard พร้อม Touch ID และปุ่มตัวเลข ราคา 6,590 บาท
Magic Trackpad ราคา 4,890 บาท
Magic Mouse ราคา 3,190 บาท











iPad Air แรงสุดพลังด้วยชิป M1

จากงาน Apple Event เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการเปิดตัว iPad Air รุ่นใหม่ที่มาพร้อมชิป M1 อ่ะแม๊!  คือ promotions เร็วและแรงกว่ารุ่นเดิมถึง 60 เท่า และที่สำคัญราคาเปิดตัวแพงกว่ารุ่นก่อนแค่พันเดียว งานนี้ใครที่เพิ่งซื้อ iPad Air รุ่นเก่าไปมีปาดน้ำตาอยู่นะ  คราวนี้มาดูกันว่ารุ่นใหม่นี้จะเจ๋งพอจะให้เราควักเงินซื้อกันรึเปล่า ?



ชิป M1 ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม 60 เท่า

เปย์เป้ขอประเดิมกันที่ ชิป M1 ก่อนเลยดีกว่า เพราะทาง Apple เค้าได้นำชิป M1 มาใช้กับ iPad Air รุ่นใหม่นี้เป็นที่เรียบร้อย ตีคู่สูสีมากับ iPad Pro กันเลยว่าซ่านนน และที่สำคัญยังมาพร้อมกับ CPU แบบ 8 Core ทำให้ประสิทธิภาพเร็วแรงสุดพลังยิ่งกว่า iPad Air Gen 4 ถึง 60 เท่ากันไปเลย นอกจากนี้ยังมี GPU แบบ 8 Core สามารถใช้งานกราฟิกได้เร็วขึ้น 2 เท่า เล่นเกมระดับท็อป หรือทำกราฟิกสุดโหดก็ลื่นไหล แบบไม่มีสะดุดแน่นอน !









จัดให้อยู่ตรงกลางกับกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12 MP

สำหรับ iPad Air รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้าแบบอัลตร้าไวล์ 12 MP และพ่วงมาด้วยฟีเจอร์ จัดให้อยู่ตรงกลาง (คุ้น ๆ ไหม ก็คือเหมือน Studio Display ไม่มีผิด) อธิบายเพิ่มเติม ก็คือ การจัดคนให้คนอยู่ในเฟรม ไม่ว่าจะวิดีโอคอลกับเพื่อน กล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวของเรา หรือเวลาที่มีคนเดินเข้า-เดินออกจากเฟรม กล้องจะซูมและขยายออกให้เองโดยที่ไม่ต้องใช้มือ !

นอกจากกล้องหน้าจะเทพขึ้นแล้ว ในส่วนของกล้องหลังนั้นก็เริ่ดอยู่ เพราะให้มาถึง 12 MP และยังเป็นแบบไวด์ด้วย สามารถถ่ายวิดีโอความคมชัดสูงสุดระดับ 4K ได้ มาพร้อม HDR ที่จะทำให้ภาพและวิดีโอสวยและคมชัดมากขึ้น ต่อไปนี้จะไม่มีใครจะมาบูกี้ว่ากล้อง iPad ไม่ชัด เปย์เป้ขอเอากล้อง iPad Air รุ่นใหม่นี้ยันกลับให้ไปเลย 





Gica Antigen Test Cassette ATK ชุดตรวจ 2in1
[ตรวจได้ทั้ง น้ำลาย/แยงจมูก] ชุดล่ะ 70 บาท
ยก 10 SET คลิ๊กเลย!!
V
V
V





จำนวนจำกัด..พกติดไว้เที่ยวไหนก็สบายใจ









จอภาพ Liquid Retina ขนาดกำลังดี 10.9 นิ้ว

จอใหญ่สะใจ เห็นสีสันของภาพต่าง ๆ ผ่านหน้าจอได้ดีขึ้น มาพร้อมการแสดงผลแบบ True Tone มองแล้วสบายตากว่าเดิม  นอกจากนี้ iPad Air รุ่น 5 ยังสามารถใช้งาน 5G ได้แล้ว พร้อมทั้งรองรับ Touch ID ทำให้สามารถปลดล็อกและเข้าใช้งานแอปต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย สามารถใช้คู่กับ Apple Pencil และ Magic Keyboard ได้เหมือนเดิม

ในส่วนของราคาเปิดตัวอยู่ที่ $599 หรือ ราคาไทยอยู่ที่ประมาณ 19,500 บาท  มีหน่วยความจำให้เลือก 2 ขนาด คือ 64 GB และ 256 GB มีทั้งหมด 5 สี คือ สีม่วง, ฟ้า, ชมพู, สตาร์ไลท์ และสเปซเกรย์ คิดว่าถ้า3 ค่ายใหญ่นำเข้ามาพ่วงกับสัญญาแล้วน่าจะมีส่วนลดให้ลดราคากันลงไปอีก ส่วนวันวางจำหน่ายในไทยยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คิดว่าไม่นานเกินรอแน่นอน








ในที่สุดฝันก็เป็นจริง iPhone SE 3 คัมแบคแล้ว !

เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรอคอยการกลับมาของ  iPhone SE กันอยู่ ตอนนี้ได้เวลากรี๊ดกันให้คอแตก เพราะตอนนี้น้องได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 3 กันแล้ว แม้ว่าตัวดีไซน์เครื่องยังถอดแบบ iPhone 8 มาแบบเป๊ะ ๆ กับปุ่มโฮม Touch ID ที่ทุกคนคิดถึงกัน แถมงานนี้มีให้เลือกถึง 3 สี ไม่ว่าจะเป็นสีมิดไนท์, สตาร์ไลท์ รวมถึงสีแดงสุดร้อนแรงเหมาะกับคนแซ่บและใจบุญ อย่าง (PRODUCT)RED ที่ทุกการจำหน่าย ทาง Apple เค้าจะนำไปสมทบทุนให้กับกองทุนโลกเพื่อต่อสู้กับโควิด-19

ซึ่งทั้งหมดนี้มี ราคาเริ่มต้นเพียง 15,900 บาท  แต่ก่อนจะควักเงินในกระเป๋าซื้อ เรามาดูกันก่อนว่าน้องคนนี้เขามีอะไรใหม่ ๆ ที่ควรค่าแก่การจับจองกันหรือเปล่า



ชิป A15 Bionic

ลืมความช้าเป็นเต่าคลานกันไปได้เลย เพราะชิป A15 Bionic จะช่วยให้โหลดแอปได้อย่างลื่นไหลภายในพริบตาเดียว ทั้งยังเอาใจสายเกมมิ่งกับภาพกราฟิกที่เหมาะสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ แถมยังมาพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นสูงสุด 1.2 เท่า (เมื่อเทียบกับ SE รุ่นที่ 2)


อ่านเนท้อหาฉบับเต็มคลิ๊กเลย >>>
Apple Event 2022


รองรับ 5G

5G เร็วยิ่งกว่า รองรับตั้งแต่การสตรีมแบบไลฟ์สด, การเล่นเกมแบบหลายผู้เล่น, การแชร์วิดีโอ ไปจนถึงการโทร Face Time ความละเอียดสูง พร้อม SharePlay ที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด



กล้องระดับซูเปอร์สตาร์

กล้องสวยน่าสอยกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี HDR อัจฉริยะ 4 ที่สามารถปรับได้ทั้งคอนทราสต์, แสง รวมถึงโทนสีผิวโดยอัตโนมัติสูงสุดถึง 4 คน !  หรือใครกังวลเรื่องภาพถ่ายแสงน้อย บอกเลยงานนี้ไม่มีหวั่น เพราะน้อง SE 3 เค้ามี Deep Fusion ที่ช่วยวิเคราะห์ค่าแสงที่ต่างกันพิกเซลต่อพิกเซล



ยกระดับแบตเตอรี่

แบตเตอรี่แบบยกเครื่องใหม่ให้ อึด ! ถึก ! และทนกว่าเคย  สามารถเล่นวิดีโอได้นานขึ้นสูงสุด 2 ชม. เมื่อเทียบกับรุ่น 2 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 15 ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น และสะดวกสุด ๆ กับการรองรับที่ชาร์จไร้สาย หรือจะต่อเข้ากับอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วจาก 0 ถึง 50% ภายในเวลา 30 นาทีเท่านั้น !








iPhone 13 กับ iPhone 13 Pro สีใหม่ "เขียวเหนี่ยวทรัพย์"


สวยสะกดใจกับการเปิดตัวสีใหม่อย่าง 'Alpine Green'  สีเขียวแบบเรียบหรู ถือแล้วดูเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลขึ้นมาทันที แม้ตัวสเปคเครื่องและราคาจะยังเหมือนเดิม (เริ่มต้นที่ 29,900 บาท) แต่ในสัปดาห์หน้ามีข่าวดีที่หลายคนรอคอย เพราะทาง Apple เตรียมปล่อย 'iOS 15.4' ให้อัปเดตกันแล้ว โดยไฮไลท์เด็ดนั้นอยู่ที่มี ฟีเจอร์ปลดล็อคเครื่อง iPhone และ iPad ขณะที่สวมแมสก์  กระซิบว่าฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้งานกันได้ตั้งแต่ iPhone 12 ขึ้นไปนะ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ให้อัปเดตด้วย เช่น Universal Control สำหรับ iPadOS หรือ Emoji ใหม่เอี่ยมอีก 37 ตัว งานนี้เตรียมปักหมุดรอประกาศอีกทีกันได้เลย !

โดยทั้ง iPhone SE 3, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 สีเขียวอัลไพน์ จะเปิดให้ Pre-Order ในประเทศไทย วันที่ 18 มี.ค. 65 เวลา 09.00 น. และจะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มี.ค. 65 นี้ ใครที่เป็นสาวก Apple หรือกำลังมองหาสมาร์ทโฟนล้ำ ๆ เครื่องใหม่ ก็เตรียมตัวนับถอยหลังรอเวลาซื้อกันได้เลย ส่วนเปย์เป้ขอตัวไปสมัครบัตรเครดิตเตรียมเอาไว้ผ่อนโทรศัพท์ก่อนนะ


ไหน มีใครนึกออกกันหรือยังว่าจะซื้ออะไรดี ? เปย์เป้ว่าหลังจากนี้บรรดาค่ายมือถือต่าง ๆ รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายก็น่าจะทยอยปล่อยโปรโมชั่นดีดีออกมายั่วสาวก Apple อย่างเรากันแล้วแหละ ทางเราก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เตรียมเงินให้พร้อมรอเปย์อย่างเดียว แต่จะว่าก็ว่าเหอะนะ iPhone 13 สีใหม่ก็คือยั่วใจสายมูอย่างเรามาก เขียวเหนี่ยวทรัพย์  ต้องมาแล้วมั้ย ณ จุดนี้ !