หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่รู้ | ไม่ได้ จะซื้อรถคันแรก ต้องเตรียมเจอกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?  (อ่าน 1066 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499



ใกล้เข้ามาแล้วกับงาน Motor Show หรืองานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 หลายคนน่าจะกำลังเล็งๆ รถคันใหม่ หรือบางคนอาจคิดจะซื้อรถคันแรกกันจากในงานกันอยู่ใช่มั้ย ? ซึ่งแน่นอนว่าภายในงานจะต้องมีโปรโมชั่นส่วนลดเพียบ ! แต่ช้าก่อน... จะซื้อรถใหม่ซึ่งจะกลายมาเป็นหนี้ก้อนใหญ่ในอนาคตทั้งที จะดูแค่โปรโมชั่นอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนอกจากค่างวดที่เราต้องเตรียมจ่ายแล้ว ในการออกรถใหม่จะต้องเจอกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง มาดูกัน !





รวมค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอแน่ๆ เมื่อต้องซื้อรถยนต์





เงินดาวน์

ความสำคัญของเงินดาวน์ คือ ยิ่งเราวางเงินดาวน์เยอะเท่าไหร่ ค่างวดที่เราต้องจ่ายก็จะน้อยลงเท่านั้น  ซึ่งส่วนใหญ่จะวางเงินดาวน์กันที่ 15-25 % ของราคารถ

บางโชว์รูมจะมี promotion ดาวน์ 0% หรือโปรโมชั่นฟรีดาวน์ด้วย แต่ปันโปรขอแนะนำว่าทางที่ดีถ้ามีเงินก้อนพอที่จะวางเงินดาวน์ได้ ก็วางเงินดาวน์ไปเลยจะดีกว่า เพื่อจะได้แบ่งเบาค่างวดต่อเดือนให้น้อยลง เพราะดอกเบี้ยซื้อรถจะเป็นดอกเบี้ยคงที่ ไม่ใช่ยิ่งโปะยิ่งลดเหมือนดอกเบี้ยบ้านที่ใช้การคำนวนแบบลดต้นลดดอก เท่ากับว่าเราโปะไปก็เท่ากัน ดอกเบี้ยไม่ได้ลดลง เว้นซะแต่ว่าเราจะโปะปิดยอดหนี้ทั้งหมดทีเดียวเลย






ค่าจดทะเบียนรถ

การซื้อรถใหม่จำเป็นจะต้องทำการจดทะเบียนรถทุกครั้งและจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย ซึ่งรถแต่ละรุ่นแต่ละประเภทจะมีค่าจดทะเบียนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดถังและเครื่องยนต์ สำหรับการจดทะเบียนรถนั้นทางเซลล์และโชว์รูมรถจะมี promotions จัดการให้ หน้าที่ของเราคือจ่ายเงินเพียงอย่างเดียว แต่ค่าใช้จ่ายส่วนนี้บางโชว์รูมก็ซัพพอร์ตออกค่าใช้จ่ายให้ หรือมีจัดโปรโมชั่นให้ด้วย แนะนำให้สอบถามเซลล์ที่หน้างานกันอีกที

สำหรับใครที่ไม่อยากจ่ายเงินส่วนนี้ สามารถนำเอกสารไปจดทะเบียนกับกรมขนส่งด้วยตัวเองได้เช่นกัน

แต่ขั้นตอนอาจจะยุ่งยากและค่อนข้างเสียเวลานิดนึงนะ






เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน

 









ค่ามัดจำป้ายแดง

อย่างที่เรารู้กันดีว่า รถที่ไม่มีป้ายทะเบียนไม่สามารถขับขี่บนท้องถนนได้ ทางโชว์รูมจะให้ป้ายแดงเรามาใช้ก่อนเป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่รอจดทะเบียนป้ายขาว และแน่นอนว่าทะเบียนป้ายแดงเราต้องชำระเงินเพิ่มอีกประมาน 2,000 - 3,000 บาท เพื่อเป็นการมัดจำ และเมื่อเรานำป้ายแดงมาคืน เราถึงจะได้เงินมัดจำส่วนที่จ่ายไปคืนกลับมา

ตามกฏหมายแล้วป้ายแดงจะใช้งานได้ 30 วัน
หากพบเจอว่าใช้ทะเบียนป้ายแดงเกิน 30 วัน อาจถูกปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท





อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม คลิ๊กเลย >>> รถคันแรก





ค่างวด

ในการซื้อรถจะต้องคำนวณรายได้และต้องแพลนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้ดีๆ  เพราะเราจะมีค่างวดรถเพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายหลักและเป็นค่าใช้จ่ายที่จะอยู่กับเราไปอีกหลายปี ถ้าใครที่วางเงินดาวน์เยอะหน่อย ค่างวดก็จะถูกลงมาหน่อยให้พอหายใจหายคอได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมเลือกระยะเวลาการผ่อนค่างวดให้เหมาะสมด้วยนะ  เลือกผ่อนน้อยแต่ผ่อนนานเกินไป กลายเป็นว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยในจำนวนที่เยอะขึ้นแทน

และที่สำคัญแนะนำให้จ่ายค่างวดตรงเวลา และต้องจ่ายทุกเดือน พยายามไม่ค้างจ่าย เพราะจะกลายเป็นหนี้พอกพูนไปเรื่อยๆ จนอาจจะทำให้จ่ายไม่ไหวและอาจโดนยึดรถในที่สุด









ค่าภาษีป้าย และค่า พ.ร.บ.

ค่าภาษี

เราอาจจะคุ้นเคยกับป้ายสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีตัวเลขแสดงปี พ.ศ. ตัวใหญ่ที่ติดอยู่หน้ารถ นี่แหละที่เรียกว่าป้ายภาษี เราจำเป็นต้องไปต่อภาษีทุกปีตามที่กำหนด ถ้าหากไม่ต่อภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ และรถของเราจะกลายเป็นรถผิดกฏหมายทันที ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ จะคิดตามความจุของรถ ตามนี้เลย

600 ซีซีแรก ซีซีละ 0.50 บาท
601 - 1,800 ซีซีละ 1.50 บาท
เกิน 1,800 ขึ้นไป ซีซีละ 4 บาท






ค่า พ.ร.บ.

ค่า พ.ร.บ. ที่เราต้องจ่ายในที่นี้หมายถึง พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ซึ่งกฏหมายบังคับว่ารถทุกคันต้องทำเพื่อเป็นการคุ้มครองตัวบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องใครเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด โดยจะคุ้มครองเป็นเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาล ถ้าหากไม่ทำ หรือไม่ต่อ พ.ร.บ. จะมีความผิดตามกฏหมาย โดยต้องเสียค่าปรับสูงสุดถึง 20,000 บาท






ค่าประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ แนะนำแกมบังคับว่าทำเถอะ !  ทำไว้แล้วอุ่นใจกว่าจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดเมื่อไหร่ มีประกันรถยนต์ยังไงก็ดีกว่า เคลมได้หายห่วง สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของประกันรถยนต์ อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของรถเองว่าจะเลือกทำประกันชั้นไหน สำหรับรถใหม่ป้ายแดง เซลล์อาจจะมีโปรแถมประกันรถยนต์ชั้น 1  ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปีมาให้ด้วย  ก็จะหมดห่วงเรื่องค่าประกันรถยนต์ไปได้ 1 เปราะ

สำหรับปีถัดๆ ไป ถ้าหากต้องการประกันชั้น 1 เหมือนเดิม ค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 - 20,000 บาท แล้วแต่กรมธรรม์ที่เราเลือก แต่ถ้าหากงบไม่ถึง สามารถเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 แทนได้นะ แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าจะไม่ได้รับการคุ้มครองแบบจัดเต็มเท่ากับประกันชั้น 1




ใครที่กำลังคิดจะซื้อรถบอกเลยว่างานนี้ต้องคิดดีๆ คิดให้หนักกันหน่อยแล้วล่ะ อย่าเห็นแค่เพียงโปรโมชั่นลดราคาล่อตาล่อใจแล้วก็อยากได้ทันที ลองคำนวนรายรับ-รายจ่ายที่มี บวกกับความคุ้มค่าและความจำเป็นก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย ซื้อรถมาสะดวกสบายขึ้นก็จริง แต่เราพร้อมรับค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้หรือไม่ เราจ่ายไหวหรือเปล่า เพราะไม่ใช่แค่ค่างวดเท่านั้นนะ แต่ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกเพียบเลย  ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงต่างๆ ต้องบอกเลยว่า มีรถเหมือนมีลูก คำพูดนี้ไม่เกินจริง