หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: เตรียมตัวเจอ! Travel Bubble การท่องเที่ยวแบบเซฟสุขภาพ ไม่ยากเกินปรับตัว  (อ่าน 1460 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499



อดเปรี้ยวไว้กินหวานที่แท้ทรู
หลังจากปลดล็อกดาวน์กันไป สายเที่ยวทั้งหลายก็เริ่มจะมีความหวังขึ้นมาแล้ว
กับการมาของ Travel Bubble หรือเทรนด์การเที่ยวแบบใหม่
ว่าแต่มันคืออะไร ไหนขอทำความเข้าใจหน่อยซิ



อยู่บ้านกันมานาน สายเที่ยวหลายคนคงจะเริ่มคันไม้ คันมือ อยากมีอารมณ์แพ็กของใส่กระเป๋า แล้วก้าวเท้าออกเดินทางกันแล้วใช่มั้ย? จะบอกว่าทางเราก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก็แหม.. อุดอู้อยู่กับบ้านนานๆ มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง แถมมาตรการคลายล็อกดาวน์ก็ค่อยๆ ผ่อนปรนมากขึ้นแล้วด้วย หลังจากนี้พวกเราคงจะได้มีโอกาสออกเดินทางไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอย่างที่ใฝ่ฝันกันไว้แน่นอน

แต่ก่อนจะคิดถึงเรื่องนั้น
พี่ promotion อาจจะต้องมีการปรับตัวกันนิดหน่อย เพราะอย่างที่พวกเรารู้กันดีว่าการมาของโควิดนั้นทำให้พฤติกรรมหลายๆ อย่างของคนในสังคมเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การสร้างครอบครัว หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเองก็ตาม ทุกคนจะต้องมีการปรับตัวและป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดแบบเดิมอีก





ซึ่งการปรับตัวที่ว่านี้ก็ได้รวมไปถึงรูปแบบของการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่นอกจากจะเป็นก้าวแรกของนักเดินทางแล้ว ยังเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ซบเซามานาน ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในรูปแบบของการท่องเที่ยวแบบใหม่นี้ก็ได้แก่ Travel Bubble หรือ ระเบียงท่องเที่ยว ที่เรากำลังจะพูดถึงกันหลังจากนี้






Travel Bubble คือทางออกของการท่องเที่ยว ...จริงเหรอ?
ก้าวแรกของการเดินทางออกนอกประเทศ


ก่อนที่จะไปหาคำตอบว่าจริง หรือไม่จริง มาทำความรู้จักกับความหมายของ Travel Bubble กันสักหน่อยดีกว่า สำหรับ Travel Bubble หรือ ระเบียงท่องเที่ยวนี้ เปรียบได้กับก้าวแรกของการเดินทางออกนอกประเทศ หลังสถานการณ์โควิดทำให้หลายประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยของเราเองต้อง Shutdown อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวลง

ซึ่งผลกระทบของการ Shutdown นี้ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวที่เคยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับประเทศ สูญรายได้ไปมูลค่ากว่าหลายล้านบาท ทำให้ต้องมีการปรับตัวและเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งหลายประเทศก็เริ่มมีการหาทางออกด้วยการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดย Travel Bubble นี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในโอกาสครั้งสำคัญที่หลายประเทศเริ่มมีการปรับใช้กันไปบ้างแล้ว





Travel Bubble ทำให้เราเดินทางออกนอกประเทศได้แบบสบายใจ

ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ Travel Bubble ก็คือฟองอากาศของการท่องเที่ยวที่ทำให้เราเดินทางออกนอกประเทศได้อย่างสบายใจ ไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน แต่ทั้งนี้จะต้องมีทำตามกฏและเงื่อนไข ซึ่งเงื่อนไขส่วนใหญ่มักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันนั่นก็คือ จะต้องเป็นการจับคู่เดินทางประเทศกับประเทศ โดยที่กลุ่มประเทศนั้นจะต้องเป็นกลุ่มประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับคงที่ และไม่สูงมาก

สำหรับเมืองที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้จะต้องเป็นเมืองที่มีประชากรน้อย ไม่หนาแน่นเท่ากับเมืองใหญ่ เริ่มแรกอาจจะเป็นการท่องเที่ยวเชิง Business Trip ไปก่อน หรือจะเริ่มจากกลุ่มประเทศใกล้ๆ กัน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะเปลี่ยนมาใช้รูปแบบการท่องเที่ยวแบบ Travel Bubble ได้ทั้งหมด ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและการเปิดรับนักท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ กันอีกที




หลายประเทศได้นำร่องไปแล้ว

ตัวอย่างประเทศที่ได้มีการนำรูปแบบการท่องเที่ยว Travel Bubble ที่ พี่ โปรโมชั่น เห็นว่ามาใช้เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้แก่ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ประเทศในแถบบอลติกที่เปิดให้พลเมืองจากทั้ง 3 ประเทศสามารถไปมาหาสู่กันได้ ส่วนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น หากใครได้ตามข่าวกันคงจะพอได้ยินมาบ้างว่าสองประเทศนี้ได้มีการจับมือทำข้อตกลงร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ล่าสุดได้ทราบมาว่าระยะเวลาได้ถูกเลื่อนออกไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อไม่คงที่ เลยกังวลว่าอาจจะก่อให้เกิดการระบาดตามมาอีกได้





ประเทศในแถบเอเชียเราก็กำลังจะก้าวตามไป

ส่วนประเทศในเอเชียอย่างสิงคโปร์กับจีนก็ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับการเปิดพื้นที่ให้ประชากรสามารถเดินทางไปทำธุรกิจระหว่างกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว 14 วัน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นการเดินทางในรูปแบบของ Business Trip คือเดินทางไปเพื่อลงทุนและทำธุรกิจเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวยังไม่มีกำหนดเปิดประเทศในตอนนี้

ส่วนแฟนคลับแดนปลาดิบทั้งหลาย
พี่ โปร ขอบอกเลยว่างานนี้บมีเฮสมใจอยากกันแน่นอน เพราะล่าสุดดูเหมือนว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็จะเริ่มมีการเปิดประเทศตามรูปแบบ Travel Bubble นี้เช่นกัน โดยเตรียมจับคู่เดินทางกับไทย, ออสเตรเลีย, เวียดนาม รวมทั้งนิวซีแลนด์ แต่อาจจะมีเงื่อนไขตรงที่ประชากรที่จะเดินทางเข้าประเทศได้นั้นจะต้องมีการเอกสารรับรองทางการแพทย์มายืนยัน และเมื่อเดินทางเข้าประเทศแล้วจะต้องทำการตรวจสุขภาพที่สนามบินกันอีกครั้งถึงจะเสร็จสิ้นกระบวนการ 



เป็นทางออกของการท่องเที่ยวจริงไหม ขึ้นอยู่กับมุมมอง

ถ้าถามว่าการท่องเที่ยวแบบใหม่อย่าง Travel Bubble นี้เป็นทางออกของการท่องเที่ยวในปัจจุบันหรือไม่ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน เพราะถ้าจะมองให้เป็นด้านดี อย่างการช่วยกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดี แต่ถ้าจะมองว่าเป็นการกระตุ้นให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น อันนี้ก็สามารถมองได้เช่นกัน





ส่วนความแตกต่างจากการท่องเที่ยวรูปแบบเดิมๆ อันนี้น่าจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนที่สุด เพราะเป้าหมายหลักของการเปิดพื้นที่บางส่วนให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้าไปนั้นมักจะอยู่ที่เมืองรองมากกว่าเมืองหลัก เนื่องจากจำนวนประชากรที่สามารถควบคุมได้มากกว่า รวมไปถึงการลดความเสี่ยงกรณีหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และสำหรับใครที่กังวลว่าการเที่ยวแบบนี้จะสร้างความสนุกสนานให้กับเราได้เท่าเดิมไหม อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของเราแล้วล่ะ ว่าเตรียมตัวมาดีมากน้อยแค่ไหน



ความยากง่ายอยู่ที่การบริหารจัดการของแต่ละประเทศ

จะเห็นได้ว่ารูปแบบการท่องเที่ยวแบบใหม่นี้ขึ้นอยู่กับการบริหารและจัดการของแต่ละประเทศ ที่มีระเบียบและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเหตุผลด้านสุขภาพของประชากร ซึ่งถ้ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาใช้วิธีนี้จริงๆ จะต้องมีการควบคุมและจัดการที่เข้มงวดพอสมควร โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเปิดประเทศแล้ว จะสามารถปล่อยปละละเลยไปได้ มิเช่นนั้นเราอาจจะได้ตกอยู่ในสถานการณ์ล็อกดาวน์กันอีกรอบแน่นอน





หนทาง Travel Bubble ในประเทศไทย

ประเทศไทย หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก หลังจากเผชิญหน้ากับโควิดมา ส่งผลทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจากจะกระทบกับระบบเศรษฐกิจในประเทศแล้ว การสูญเสียรายได้ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวอีกเป็นทอดๆ ถึงแม้ว่าจะได้มีมาตรการเยียวยาจากทางภาครัฐ หรือแม้กระมั่งภาคเอกชนจะได้ดิ้นรนพยามยามกระตุ้นยอดขายของตัวเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การทำ clearance sale , ให้ส่วนลดราคาพิเศษ แต่ถึงกระนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังกระทบเป็นไปอย่างวงกว้าง ไม่ว่าตั้งแต่เจ้าของกิจการ, คนในพื้นที่, ธุรกิจสายการบิน, พ่อค้าแม่ค้า, ลูกจ้าง รวมถึงอาชีพอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน





ซึ่งถ้าถามว่าประเทศไทยของเราเมื่อไหร่จะมีการนำรูปแบบของการท่องเที่ยวนี้มาใช้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างการหารือถึงรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่อย่าง Travel Bubble กับการนำมาปรับใช้กับการบริหารงานในประเทศ ซึ่งถ้ามีการอนุมัติให้ใช้รูปแบบการท่องเที่ยวนี้จริงๆ ประเทศไทยของเราคงจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงประมาณปลายปี

โดยในระหว่างนี้อาจจะต้องอาศัยนักท่องเที่ยวจากในประเทศกันไปก่อน เพราะอย่างที่บอกไปว่าการจะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มาเป็นการท่องเที่ยวแบบใหม่ได้นั้น จะต้องอาศัยการวางแผนอย่างรัดกุมมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยจะต้องอาศัยเงื่อนไข ข้อกำหนด การเตรียมความพร้อม ฯลฯ ซึ่งก็หวังว่าประเทศไทยเราจะค่อยๆ เริ่มปรับตัว และหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กลับมาดีขึ้นในเร็ววัน สำหรับสายเที่ยวทั้งหลาย ในระหว่างที่รอความชัดเจนต่างๆ นี้ ได้เวลาเก็บเงินรอล่วงหน้ากันไปก่อนนะ เปิดประเทศเมื่อไหร่ได้เวลาติดปีกบินโลดดด...






ปันโปรสรุปให้

• เกียมตัวให้พร้อม กับเทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า Travel Bubble ซึ่งก็คือการจับคู่เดินทางประเทศกับประเทศ โดยมีจุดประสงค์ด้านความร่วมมือกันทางการท่องเที่ยว ที่ต้องการกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น

• สำหรับประเทศที่ออกเดินทางก่อนไม่รอแล้วนะ ก็ได้แก่ประเทศในแถบบอลติกอย่าง เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่เปิดให้พลเมืองจากทั้ง 3 ประเทศสามารถไปมาหาสู่กันได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน

• ส่วนประเทศไทยเรากำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการหารือ ซึ่งก็หวังว่าพวกเราคงจะได้ยินข่าวดีกันเร็วๆ นี้ แอดมือไม้สั่น อยากจัดกระเป๋าไปเที่ยวไม่ไหวแล้วววว