หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมทริคเล่น “ยีนส์” บอกให้ครบ จบทุกข้อสงสัย  (อ่าน 1627 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499


Jeans Never Die
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย
ยีนส์เป็นแฟชั่นยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก
เราจึงรวบรวมข้อมูลของ“ยีนส์”  ไว้ให้ครบ ก่อนตัดสินซื้อ
มีอะไรบ้างมาดูกัน!



   เคยมีคนบอกไว้ว่า...ยีนส์ไม่ใช่แค่มีไว้ใส่ตามแฟชั่น แต่ยังบ่งบอกได้ถึงรสนิยมและเงินในกระเป๋าของคนใส่ได้อีกด้วย  สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อยีนส์สักตัว เคยสงสัยกันไหมว่า ยีนส์ตามห้างทั่วๆ ไป กับยีนส์แบรนด์เฉพาะที่ไม่ค่อยคุ้นหู แต่กลับมีราคาแพงมากนั้นต่างกันอย่างไร?

   วันนี้พี่ โปรโมชั่น ขอไขทุกข้อสงสัย รวบรวมมาให้ทุกคำตอบ ตั้งแต่การเลือกผ้าที่ชอบ ทรงที่ใช่ สไตล์ไหนที่เหมาะกับคุณ ตลอดจนทริคดีๆ ที่คนซื้อยีนส์ต้องรู้ มาดูกัน!




ควรรู้ไซซ์ของตัวเอง รอบเอวและส่วนสูง

   ยีนส์แต่ละแบรนด์จะมีไซซ์และขนาดที่ไม่เท่ากัน นั่นไม่ได้หมายความว่ายีนส์ไม่ได้มาตรฐานนะ แต่หมายถึงยีนส์แต่ละยี่ห้อนั้น มีความยืดหยุ่นที่ต่างกัน บางทรงอาจจะไม่ได้ใส่ตามขนาดไซซ์ของตัวเองแบบเป๊ะๆ หรือหากเคยใส่ไซซ์นี้ แต่หากเปลี่ยนแบบ เปลี่ยนทรง ก็อาจจะมีการปรับลดไซซ์ได้เช่นกัน ส่วนสูงของเราเองก็มีผล เพราะยีนส์ก็จะมีขนาดความยาว ตั้งแต่ 30,32,34,36 และบางแบรนด์ยาวถึง 39 ซม. เลยทีเดียว โดยความยาวจะวัดจากเป้าถึงปลายขา เพราะฉะนั้นจะสูงหรือตัวเล็กกะทัดรัดก็หมดกังวลเรื่องปัญหาขากางเกงลอยหรือยาวกองพื้นได้เลย



ดูงบประมาณของคุณว่ามีกำลังซื้อแค่ไหน

   อันนี้ก็สำคัญมาก เพราะว่ายีนส์มีหลายระดับราคา บางคนคิดว่าซื้อทั้งทีขอแบบสวย คุ้มโดนใจใส่ได้ทุกวันไปเลยดีกว่า การที่เรารู้งบของตัวเอง จะช่วยทำให้มีตัวเลือกได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ยีนส์ที่ราคาแพง ใส่แล้วจะต้องสวย เพราะยีนส์ที่ใส่แล้วสวยต้องประกอบจากหลายอย่าง ทั้งเรื่องสี ทรง และสรีระของผู้ใส่ด้วยเช่นกัน ยิ่งยีนส์บางตัวที่ผ่านการใช้งานมาแล้วกลับมีมูลค่าราคามากขึ้น ไม่ใช่เก่าแล้วจะ ลดราคา ลงแต่อย่างใดนะเอ่อ






เลือกประเภทของผ้ายีนส์ แล้วดูว่าชอบผ้ายีนส์แบบไหน

   มาถึงตรงนี้ก็สำคัญมาก เพราะยีนส์แต่ละแบบก็จะใช้ผ้าที่ต่างกัน หรือแม้แต่แบรนด์เดียวกันก็มีผ้าให้เลือกหลายแบบ โดยปกติผ้ายีนส์ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ผ้ายีนส์ผสมผ้ายืด, ผ้าฟอก,ผ้าดิบ แล้วต่างกันยังไงล่ะ? เรามีคำตอบมาให้แล้ว





   ประเภทแรกคือ ผัา Denim Elastine หรือที่เรียกกันว่า ยีนผ้ายืด ซึ่งจะมีส่วนผสมของ Organic Cotton 98% และ Elastine 2%



   จุดเด่นคือ เนื้อผ้าจะมีความยืดหยุ่น ใส่สบาย และราคาไม่แรงมาก มีให้เลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียของยีนส์ผ้ายืดนั้น จะไม่ค่อยมีความทนทาน อายุการใช้งานสั้น เพราะตัวผ้าค่อนข้างบาง และไม่ค่อยมีการเฟด (Fade) หรือการขึ้นลวดลาย ริ้วรอยต่างๆ ในระหว่างใส่นั่นเอง





   ผ้า Wash Denim หรือ ยีนส์ผ้าฟอก ขอเรียกยีนส์ประเภทนี้ว่า ยีนส์สวยสำเร็จรูป มาพร้อมการเฟดลวดลายที่สวยและดูเก่าตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ซื้อมาใส่แล้วเท่ทันทีไม่ต้องรอนาน แถมยีนส์ผ้าฟอกยังมีเนื้อผ้าที่นิ่มและใส่สบาย แต่ยีนส์ก็จะมีอายุการใช้งานที่ไม่นานนัก เพราะเนื้อผ้าจะไม่หนา และยังไม่สามารถปั้นลายเฟดสวยๆ ได้อีก ยีนส์ประเภทนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่อยากพรางรูปร่างเท่าไหร่ เพราะมีสีโทนสว่าง ใส่แล้วอาจจะทำให้ดูมีเนื้อชัดเจนนั้นเองจ้า




   ผ้า Raw หรือที่หลายคนมีกจะเรียกว่า Raw Denim  ยีนส์ผ้าดิบนั่นเอง ซึ่งจะผลิตมาจากผ้า Cotton (ฝ้าย) 100%  ผ้าจะมีความแข็ง ไม่มีลวดลาย และมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่า เพราะเป็นยีนส์ที่มีความทนทานและสามารถปั้นเฟด ลวดลายต่างๆ ได้เอง ยิ่งใส่บ่อย ก็จะยิ่งขึ้นเฟดสวยๆ เพิ่มความเท่แบบมีสไตล์ได้ไม่ซ้ำใครแน่นอน




   นอกจากนี้ ยีนส์ผ้าดิบ ยังสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อยๆ ได้อีก คือ Selvedge, Unsanbforized, Sanbforized ซึ่งจุดเด่นของยีนส์ประเภทนี้ จะสามารถทำเฟด (Fade) ลวดลายเฉพาะได้เอง หลังจากสวมใส่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว มาดูกันว่าแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร




   Raw Selvedge หมายถึง ส่วนปลายสุดของผ้า ถูกนำมาเรียกกับผ้ายีนส์ชนิดพิเศษที่มีการตัดเย็บด้วยคุณภาพเยี่ยม ชายผ้าไม่ลุ่ย ไม่เป็นขุย มีความทนทานและใช้งานได้ยาวนานกว่าผ้าปกติ ซึ่งผ้ายีนส์ที่มีริม ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันดีคือ ยีนส์ริมแดง จากแบรนด์ Levi’s เป็นเจ้าแรกที่เริ่มการทำกางเกงริมแดง มีรุ่นดังในตำนานคือ รุ่น 501 ยีนส์รุ่นนี้ถือเป็นแรร์ไอเทมที่นักเล่นยีนส์ต้องมี




   ​Raw Sanforized คือ กระบวนการที่ทำให้ผ้าอยู่ตัวที่สุด ซึ่งยีนส์ผ้าดิบที่ผ่านการ  sanforized มาแล้ว เมื่อนำไปซักหรือแช่น้ำ ผ้าจะหดตัวลงไม่เกิน 3% ซึ่งการซื้อยีนส์ประเภทนี้จะให้ซื้อขนาดที่พอดี ไม่ต้องเผื่อไซซ์




   Raw Unsanbforized ผ้ายีนส์ที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ หลังการผลิตเลย ซึ่งเป็นยีนส์ที่สามารถสร้างเฟดสวยๆ ได้อย่างเต็มที่ และการเลือกซื้อยีนส์ประเภทนี้ ไม่ควรลดไซซ์ แต่ควรจะเพิ่มไซซ์ เพราะเมื่อนำไปซักหรือแช่น้ำ ยีนส์จะมีการหดตัวเข้ากับรูปร่างอย่างพอดี ซึ่งผ้า Unsanbforized จะหดตัวหลังแช่น้ำเฉลี่ยแล้วประมาณ 10% - 15%




อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงเริ่มรู้จักประเภทของผ้ากันไปแล้ว เราจะมาขอเล่าเพิ่มเติม ของกรรมวิธีเฟด (Fade) หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร เราเตรียมคำตอบมาแล้วจ้า



ขอบคุณเนื้อหา เพจ Phathavie Organic ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
เพื่อการ
ปลูกผม ด้วยวิถีธรรมชาติ





Fade คืออะไร?

   เฟด (Fade) คือ การทำให้กางเกงยีนส์ขึ้นลายจากรอยยับย่นของการสวมใส่ เช่น ตรงบริเวณหัวเข่า หน้าขา ปลายขา ซึ่งรอยต่างๆ จะเกิดขึ้นตามรูปร่างของเราเอง ซึ่งการเฟดนี้ สามารถทำได้ดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับยีนส์ผ้าดิบ (Raw Denim)




ถ้าอยากเฟดลายให้สวยๆ ควรต้องทำยังไงดี?​


 เคยได้ยินมาว่าอยากให้เฟดสวยๆ ก็ใส่ตลอดเวลาเลยแม้กระทั่งเวลานอน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ช่วงเวลานอนมีการเคลื่อนไหวที่น้อย ใส่นอนอาจจะอึดอัดและร้อน นอนไม่สบายตัวแทนที่จะได้ลายสวยๆ ก็ได้นะ ถ้าอยากได้เฟดสวยๆ ลองวิธีนี้!

-ใส่บ่อยๆ ใส่เยอะๆ ใส่ทุกวันเลยยิ่งดี

-อย่าไปกังวล ใส่ลุยให้เต็มที่ หรือใส่ทำงาน ทำกิจกรรมต่างๆ (แต่เลี่ยงกิจกรรมที่อาจจะทำให้โดนน้ำ หรือคราบเลอะๆ นะ)

-ลักษณะการทำงานก็บ่งบอกถึงเฟดได้เช่นกัน เพราะบางอาชีพมีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน แต่ถ้าเป็นหนุ่มออฟฟิศระหว่างวันอาจจะเป็นการนั่งกับที่มากกว่าการเคลื่อนไหว ลายที่ได้ก็จะแตกต่างจากอาชีพวิศวกรสายลุยที่ต้องออกไปไซด์งาน เดินหน้างาน อยู่กับฝุ่นควันต่างๆ

-อยากได้ลายสวย ต้องซักให้น้อย ท่องไว้ให้ขึ้นใจ แม้จะเผชิญกับอะไรมา แต่พยายามเลี่ยงการซัก ใช้วิธีการผึ่งตากแดดก็ช่วยขจัดกลิ่นได้เช่นกัน





   นอกจากเรื่องของไซซ์ ประเภทของผ้า การเฟด หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของ oz (ออนซ์) ของผ้า เพราะสำหรับคนเล่นยีนส์จริงๆ เรื่องออนซ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ​หน่วย OZ (ออนซ์) เกิดจากผ้า Denim ขนาด 1 ตารางหลา นำมาชั่งน้ำหนัก ซึ่งโดยปกติ น้ำหนักของผ้ายีนส์จะถูกแบ่งย่อยออกอีก 3 ระดับ




   Lightweight Denim ยีนส์ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 12oz เป็นยีนส์ที่มีน้ำหนักเบา ผ้าบาง ใส่สบาย ซึ่งส่วนใหญ่จะผสม Polyester แต่ก็มีเช่นกันที่จำนวนออนซ์น้อยแต่ทำมาจาก Cotton 100% ขอบอกเลยว่า ผ้าประเภทนี้อาจจะขึ้นเฟด (Fade) ไม่ชัดเท่ากับรุ่นผ้าหนาๆ




  Med-Weight Denim มีน้ำหนักอยู่ที่  12oz - 16oz จำนวนออนซ์เท่านี้ จะเป็นยีนส์ที่ทำจากผ้า Cotton 100% ผ้าไม่บางและไม่หนาจนเกินไป มีความทนทาน สวมใส่ได้สบายอยู่ในระดับนึง และที่สำคัญสามารถปั้นเฟดสวยๆ ได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งจำนวนออนซ์นี้ยังมีกรรมวิธีการผลิตที่แยกย่อยไปได้อีก คือ การทอผ้าแบบหนา และ การทอผ้าแบบหลวมหรือใช้เส้นใยผ้าที่ทำให้สวมใส่สบายขึ้น ซึ่งแต่ละแบบก็จะให้ลวดลายการเฟดที่ต่างกันออกไปอีก ขึ้นอยู่กับทรงของกางเกง ถือเป็นจำนวนออนซ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็มีข้อเสียอยู่เล็กน้อยตรงที่ ผ้าจะมีความแข็งและหนา หากผิวบางไม่ทนทานต่อการเสียดสีอาจรู้สึกไม่สบายตัวได้




  Heavyweight Denim ยีนส์ที่มีน้ำหนักมากกว่า 16oz ขึ้นไป ซึ่งยีนส์น้ำหนักขนาดนี้จะใช้เครื่องจักรวินเทจแบบพิเศษในการผลิต และการตัดเย็บ ยิ่งหนามาก เข็มยิ่งใหญ่ ด้ายก็จะใหญ่ด้วยเช่นกัน ข้อดีของยีนส์ออนซ์มากๆ คือ ทนทานใช้งานได้นาน เหมาะกับคนสายลุย เช่น พวกนักขับมอเตอร์ไซต์ เพราะผ้าที่หนาจะช่วยเซฟความปลอดภัยได้ดี และที่โดดเด่นเลยคือการเฟด (Fade) จะได้ลายที่มีเส้นคมชัด ยิ่งใช้ง่ายบ่อย ยิ่งขึ้นเฟดสวยเท่ไม่ซ้ำใคร แต่ด้วยความที่ผ้ามีความหนาและแข็งมาก อาจจะไม่สะดวกกับการใส่ในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป เคลื่อนไหวไม่สะดวก ขาดความคล่องตัว




เมื่อได้รู้จักกับเนื้อผ้า น้ำหนักผ้าไปแล้ว ลำดับต่อมาที่ พี่ promotion จะแนะนำให้ควรรู้ก็คือ รูปทรงของยีนส์ จะเลือกแบบไหน ทรงไหนให้เข้ากับเราดี?​

-ทรง Skinny เหมาะกับคนที่ต้นขาเล็ก ชอบใส่แบบรัดรูป ค่อนข้างมีความกระชับ เนื้อผ้าจะมีความบางเพราะหากใช้ผ้าหนาๆ จะทำให้เกิดการเสียดสี เกิดรอยแผล หรืออาจจะรัดแน่นจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก แต่ถ้าถามว่าเป็นคนขาใหญ่ใส่ได้ไหม ก็บอกเลยว่าใส่ได้ แต่ก็จะรู้สึกอึดอัด หรือหากเป็นคนที่มีช่วงน่องแน่นๆ ใส่ยีนส์รัดรูปเข้าไปอาจจะออกมาทรงไม่สวยเท่าไหร่นัก แต่หากเลือกแบบพอดีกับตัวก็จะช่วยพรางหุ่นได้ดีเลยล่ะ

-ทรง Slim ตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปจะเหมือนกับทรงสกินนี่ ตรงที่จะมีความฟิตเข้ากับรูปร่างของผู้ใส่ แต่ช่วงบนจะแตกต่างตรงที่เหนือเข่าขึ้นมาจะไม่ฟิตมากใส่แล้วจะรู้สึกสบายกว่า ยีนส์ทรงนี้จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูสูงเพรียวเรียวขาดูยาวขึ้น ใส่คู่กับรองเท้าสนีกเกอร์สักคู่ เท่โดนใจสุดๆ ไปเลย

-ทรง Tapered ที่สุดแห่งความคลาสสิกต้องยกให้ทรงนี้เลย เป็นทรงยอดฮิตที่นิยมใส่กันมาก เหมาะกับทุกรูปร่าง หุ่นแบบไหนก็ใส่ได้สบายมาก ด้วยดีไซน์ช่วงต้นขาที่กว้าง จะขาเล็กขาใหญ่ก็ใส่ได้สบาย

-ทรง Bootcut หรือเรียกว่า ทรงขาม้า แต่ไม่ใช่การเอารูปทรงขาของม้ามาทำเป็นแพทเทิร์นนะ แต่จุดเริ่มต้นนั้นมาจากสภาพอากาศในเมืองหนาว ทำให้ต้องใส่กางเกงยีนส์ทับลงไปในรองเท้าบูท กางเกงทรงนี้เลยต้องมีพื้นที่ของเนื้อผ้าส่วนปลายขาบานออกมานิดนึง เพื่อให้สามารถใส่คลุมทับกับรองเท้าได้

-ทรงสุดท้าย คือ Straight ทรงขากระบอก เป็นทรงที่สวมใส่สบายสุดๆ ผ้าจะไม่แนบหรือฟิตไปกับช่วงขา ให้ความรู้สึกหลวมๆ แต่ถ้าเลือกไซซ์ขนาดพอดีตัวมาแมทช์กับเสื้อยืดสักตัวก็ดูดีมีสไตล์ได้เช่นกัน





Mix & Match ยีนส์กับผ้าแต่ละแบบ ใส่แล้วเท่ ดูดีมีสไตล์ 








  เห็นปุ๊ปรู้ปั๊ป สัญลักษณ์ประจำตัวของยีนส์แต่ละแบรนด์ที่เหล่านักเลงยีนส์เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นยีนส์ยี่ห้ออะไร แต่สำหรับมือใหม่ เรามีจุดสังเกตมาให้ดูกัน ว่าซิกเนเจอร์ของแต่ละแบรนด์ที่เด่นๆ มีอะไรกันบ้าง ยกตัวอย่าง 6 แบรนด์ดังที่มีความเก๋ สะท้อนให้เห็นถึงแบรนด์ผ่านลายเส้นงานปักเย็บไว้ที่กระเป๋าด้านหลังชัดเจน





รวมทริคดีๆ ที่คนซื้อยีนส์ต้องรู้

-ยีนส์ผ้าดิบ (Raw Denim) เป็นผ้ายีนส์ที่นิยมกันอย่างมาก เนื้อผ้าจะมีความหยาบนิดๆ ปรับเข้าได้ตามรูปร่างของเรา แต่ข้อควรระวังเลย คือ ควรเอาไปแช่น้ำก่อนใส่ 1 ครั้ง เพื่อให้ผ้าหดเข้ากับขนาดของรูปร่าง และไม่ควรซักบ่อย นานทีปีหนค่อยซัก เพราะยิ่งซักยีนส์จะหดลงจนอาจใส่ไม่ได้ และการซักบ่อยครั้งมีผลต่อการเฟดลายอาจทำให้สีซีดและทำลายเฟดสวยๆ ที่เราสร้างไว้ได้

-สำหรับใครที่อยากแก้ทรงหรือตัดขากางเกงยีนส์ ขอแนะนำว่าควรใส่แล้วมีการซักก่อน เพราะว่ายีนส์จะหดตัวลงหลังการโดนน้ำ หากยังไม่ซักแล้วไปตัด รับรองว่าขนาดที่อยากได้จะมีความคลาดเคลื่อน แต่หากซื้อมาแล้วแนะนำว่าอย่าเอาไปแก้ทรงเลย ให้เลือกขนาดและไซซ์ที่เข้ากับรูปร่างเราจะดีที่สุด เพราะออริจินัลนั้นยังไงก็สวยเท่ที่สุดอยู่แล้ว

-หากอยากได้ยีนส์ที่ขนาดพอดีกับตัวเรา และได้เฟดสวยๆ สีเข้มติดทน มีคนเคยบอกไว้ว่า ให้ใส่ยีนส์ลงทะเล หรือแช่ยีนส์ในน้ำทะเล ซึ่งจะได้ผลดีกว่าการแช่น้ำเปล่า เราเรียกวิธีการนี้ว่า Sea-Soak ความเค็มของน้ำทะเลจะช่วยรักษาสีของกางเกงให้ไว้ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยทำให้กางเกงยีนส์สะอาดขึ้นด้วยนะ รอยเฟดจะชัดขึ้น และเนื้อผ้าของกางเกงจะกระชับขึ้นด้วย แต่ขอแนะนำว่าให้เราปั้นเฟดให้สวยจนพอใจแล้ว ถึงเลือกใช้วิธีนี้นะ เพราะหลังจากแช่น้ำทะเลแล้วการเฟดจะยากขึ้น

-วิธีดับกลิ่นของยีนส์ ก็สำคัญมาก เพราะยีนส์เป็นผ้าที่ไม่ควรซักบ่อย แต่ถ้ามีกลิ่นลองแก้ด้วยวิธีเหล่านี้ดู นำไปผึ่งตากแดด จะช่วยเรื่องกลิ่นได้ในระดับหนึ่ง หรือนำยีนส์ใส่ถุงพลาสติกแล้วไปแช่ช่องฟรีซในตู้เย็นประมาณ 2 วัน แต่ต้องบอกก่อนว่าใส่ถุงแล้วต้องปิดซีลให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันกลิ่นของยีนส์อาจเป็นกลิ่นของตู้เย็นติดมาได้จ้า
jeans






เคล็บไม่ลับของการแช่ยีนส์


-หากอยากให้ยีนส์หดเยอะให้แช่น้ำอุ่น ที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 60 องศา ถ้าเป็นยีนส์ผ้าดิบ ห้ามแช่แบบร้อนจัดเพราะจะทำลายเนื้อผ้า เวลาแช่ให้แช่ไว้ในอ่างหรือกะละมังให้ยีนส์จมไปทั้งตัว แล้วทิ้งประประมาณ 1-4 ชม. ก็เพียงพอ ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน และไม่ต้องกลับด้านออกตอนแช่ ที่สำคัญอย่าไปแกว่งไปมา ให้แช่ทิ้งเฉยๆ เท่านั้นพอจ้า

-ถ้าอยากให้หดลงเล็กน้อยให้แช่น้ำเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที ด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นก็ได้

-การแช่ยีนส์ควรใส่ไปนานๆ ก่อนแล้วค่อยแช่น้ำ เพื่อป้องกันการเสียทรง เพราะยีนส์ทำหดได้ แต่ทำให้ยืดขยายไม่ได้นะจ๊ะ

-อีกข้อควรระวังมากๆ กางเกงยีนส์ไม่ควรซักด้วยผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม เด็ดขาด!  และควรเลี่ยงการซักด้วยวิธีการปั่นในเครื่องซักผ้า แค่แช่ก็เพียงพอแล้วจ้าาาาาา





ลองก่อนซื้อ! เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเราเลือกแบรนด์ที่ใช่ในงบที่ตั้งไว้แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาลองของจริง แต่การลองเราก็มีทริคดีๆ มาฝากเช่นกัน


หากใส่บ็อกเซอร์อยู่แนะนำให้ถอดออก เพราะการมีกางเกงอีกตัวซ้อนอยู่ข้างใน อาจจะทำให้เราไม่สามารถรู้ขนาดที่พอดีกับตัวอย่างแท้จริงได้

ถึงแม้จะมีการวัดไซซ์ขนาดเอวไปแล้ว ก็ควรลองขนาดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะกางเกงยีนส์จะทำออกมาจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย การเพิ่มลดไซซ์หรือเพิ่มไซซ์นั้นต้องคำนึงถึงเนื้อผ้าด้วย เพราะยีนส์บางรุ่นมีการหดตัว หากเลือกแบบพอดีเกินไป อาจจะใส่ไม่ได้ทีหลัง แล้วจะเสียดายน้าา~

กางเกงยีนส์ แม้จะเป็นไซซ์เดียวกัน แต่ผ้าต่างกัน ทรงต่างกัน ก็มีผลต่อการสวมใส่นะ ลองให้ชัวร์ เช็กให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อดีที่สุดจ้า



เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว เรามาดูกันว่า แบรนด์ไหนตรงกับงบที่เรามี เปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ กันไปเลย





การเลือกซื้อยีนส์ควรศึกษาและสำรวจความชอบของตัวเอง เพราะความชอบจะทำให้เรามั่นใจในการสวมใส่ และสนุกไปกับการแต่งตัว เลือกแบรนด์ที่ชอบ ใส่แล้วสะท้อนความเป็นตัวเองออกมา จะทำให้เรามีสไตล์เป็นของตัวเอง




ปันโปรสรุปให้


-การเลือกซื้อยีนส์ควรไปซื้อที่ร้าน เพื่อลองใส่จริง เพราะบางแบรนด์อาจจะไม่ใช่ไซซ์เดียวกันกับที่เคยใส่มาก่อน

-ถ้าอยากเป็นเจ้าของยีนส์ที่มีการเฟดลวดลายไม่เหมือนใคร ให้เลือกซื้อยีนส์ที่ทำมาจากผ้าดิบ (Raw Jeans)

-การเลือกซื้อยีนส์ให้เหมาะสมให้ดูที่ช่วงขา และไม่ควรลดไซซ์จนแน่นเกินไป เพราะจะทำให้ตะเข็บด้านข้างปริและดูไม่สวย

-สำหรับคนขาใหญ่ แต่อยากพรางขาให้ดูเล็กลง ควรเลือกยีนส์เข้ม เช่น ยีนส์ผ้าดิบ หรือ ยีนส์ที่ฟอกสีน้อยๆ

-การเลือกซื้อยีนส์ ผ้า Unsanforized ไม่ควรลดไซซ์เกินไป เพราะหลังจากการแช่น้ำ กางเกงจะหดตัวลง อาจมีขนาดเล็กเกินไปจนใส่ไม่ได้




ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก เว็บ ปันโปร
เว็บแจ้งข้อมูล promotions และ สินค้ามี โปร  มาให้คุณ