หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: Pre-Sale ซื้อก่อนคุ้มกว่าจริง หรือเรากำลังตกเป็นเหยื่อการตลาดกันแน่ ?  (อ่าน 1045 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499



“อะไรๆ ก็ Pre-Sale”

 
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโปร Pre-Sale เป็นคำที่พวกเราได้ยินกันบ่อยมากกกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ สาเหตุก็ไม่ได้มาจากอะไร นอกเสียจากเจ้า iPhone 13 ที่เพิ่งเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งปันโปรเชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่คงจะได้เห็นสงครามการทำโปรโมชั่นในช่วง Pre-Sale ที่ผ่านมากันแล้ว ว่าหนักหน่วง และเชือดเฉือนกันมากแค่ไหน ซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงของเทคนิคการขายแบบนี้คืออะไร ซื้อก่อนคุ้มกว่าจริงไหม ปันโปรมีคำตอบมาให้แล้ว !










Pre-Sale กับ Sale ปกติ ต่างกันยังไง ?


สำหรับความแตกต่างของ Pre-Sale กับ Sale ปกติ จะต่างกันที่ ช่วงเวลาในการขาย เหมือนที่หลายคนเข้าใจอยู่ในตอนนี้นี่แหละ แต่ถ้าจะให้ลงรายละเอียดลึกลงไปอีกนิด ก็จะอธิบายได้ว่า


promotion Pre-Sale เป็นส่วนหนึ่งของวงจรการขาย โดยจะมีระยะเวลาอยู่ในจุด ก่อนที่จะเริ่มต้นการขาย  ซึ่งเทคนิคนี้ถูกนำมาใช้กันเยอะมากในบรรดาธุรกิจต่างๆ จุดเด่นของวิธีการขายแบบนี้ จะเหมือนเป็นการซาวน์เสียงของลูกค้าก่อนล่วงหน้า ว่ามีคนให้ความสนใจกับสินค้าที่เราจะนำมาขายหลังจากนี้เยอะไหม ยอดขายในช่วง Pre-Sale เป็นยังไง เพื่อที่ว่าเราจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปวางแผนต่อได้ถูก

ในทางกลับกัน ด้านของ promotions Sale นั้น จะเป็นการ เข้าสู่วงจรการขายอย่างเป็นทางการ  ก็คือเป็นการขายแบบจริงๆ จังๆ มีสินค้าส่งมอบให้ลูกค้าชัวร์ๆ ซึ่งในส่วนของการทำการขายแบบปกตินั้น ก็จะมีลูกเล่นหรือเทคนิคอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมด้วยได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดเอย ส่งฟรีเอย หรืออะไรก็ตามแต่ ที่เราจะสามารถใช้เป็นตัวกระตุ้นทำให้ลูกค้าให้ความสนใจสินค้าเราไปได้ตลอด



รวมไปถึงการทำโฆษณาต่างๆ ก็อยู่ในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว ระยะเวลาของ Pre-Sale กับ Sale นอกจากจะมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกันแล้ว ยังจะมีระยะเวลาของการขายที่ต่างกันด้วย เอาง่ายๆ ก็คือ Pre-Sale มาแป๊บเดียว เพื่อสำรวจตลาด เสร็จปุ๊บก็จะจบขั้นตอนของการ Pre-Sale แล้วตัดภาพเข้าสู่การขายจริง ซึ่งจะกินเวลานานกว่า ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสำรวจตลาดอีกต่อไป เพราะอันนี้คือการลงสนามซื้อขายแบบจริงๆ จังๆ

แต่ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่ทุกธุรกิจนะที่จะมีการขายล่วงหน้า อย่างบางเจ้าก็อาจจะมีการสำรวจการตลาดด้วยวิธีอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น แบบสอบถาม หรือให้สินค้าตัวอย่างไปทดลองใช้กันก่อน ฯลฯ แล้วนำฟีดแบคตรงนั้นมาปรับปรุง ก่อนจะเริ่มลงขายจริงเลย แบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจนั้นๆ จะวางแผนกันยังไง





เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน

 








แล้วโปรโมชั่น Pre-Sale กับ Pre-Order ไม่เหมือนกันหรอ ?


เอาจริงๆ ด้วยจุดประสงค์ของการขายปันโปรมองว่า ไม่ต่างกัน  ขึ้นอยู่กับวิธีการเรียกมากกว่า เพราะ Pre-Order ก็มีวัตถุประสงค์ในเชิงสำรวจตลาดด้วยเช่นกัน เพราะร้านค้ายังไม่มีสินค้ามาวางขายแบบจริงๆ จังๆ เป็นเหมือนการซาวน์เสียงของลูกค้าล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยทำการสั่งซื้อ ซึ่งไม่ได้ต่างจาก Pre-Sale เลย

โดยสินค้าที่วางขายในช่วงนี้นั้น อาจจะมีการวางจำหน่ายอยู่แล้วก็ได้  แต่อาจจะด้วยเงื่อนไข หรือเหตุผลบางประการ อาทิ ต้องสั่งมาจากต่างประเทศเท่านั้น ฯลฯ เลยทำให้เกิดการ Pre-Sale หรือ Pre-Order ขึ้นมา ซึ่งถามว่าคนขายสามารถทำการสั่งซื้อมาก่อน แล้วค่อยนำมาวางขายแบบพร้อมส่งทีหลังได้มั้ย คำตอบก็คือได้นะ แต่มันอาจจะเสี่ยงกว่าตรงที่ว่า ถ้าสมมุติเราสั่งสินค้าล่วงหน้ามาก่อน โดยที่ไม่ทราบจำนวน หรือไม่รู้ว่าลูกค้าจะให้ความสนใจเยอะไหม แล้วสินค้าเราเกิดขายไม่ออกขึ้นมา แบบนี้ก็อาจจะไม่คุ้มทุนกัน

ดังนั้น ทั้งสองคำนี้เลยมีความเหมือนกันตรงที่ว่า เราสามารถทำการลองตลาดก่อนได้  ว่าถ้าสมมุติเราเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าไปแล้ว คนให้ความสนใจเยอะไหม ถ้าเยอะ เราก็อาจจะนำมาขายในรูปแบบของพร้อมส่งในครั้งต่อๆ ไป หรือถ้าไม่เยอะ อาจจะเปิดแค่รอบเดียว รอบต่อไปอาจจะไม่มีแล้ว หรือลดสต็อกของสินค้าที่จะวางขายอย่างเป็นทางการลง หรือสินค้าอาจจะถูกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นๆ แทนไปเลย

ซึ่งถ้าถามว่าเหมือน หรือไม่เหมือน ปันโปรมองว่าแนวคิดของทั้งสองแบบนี้เหมือนกัน อาจจะต่างกันตรงที่ ระยะเวลาของ Pre-Order กับ Pre-Sale ที่มี ความซีเรียสไม่เหมือนกัน  คืออย่าง Pre-Sale ทางเจ้าของธุรกิจจะต้องมีการเคาะวันมาแล้วแบบชัดเจนว่าจากวันนี้ถึงเมื่อไหร่ แต่อย่าง Pre-Order บางเจ้าก็จะมีความยืดหยุ่นกว่า ถ้าสมมุติว่าร้านนั้นมีความหลากหลายของสินค้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นร้านค้าที่รับพรีออเดอร์สินค้าจากหลายแบรนด์ ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์เลย ก็จะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลามากกว่า เป็นต้น




อ่านเนื้อหาฉบับเต็มคลิ๊กเลย >>> https://www.punpro.com/p/About-Pre-Sale-Promotion





ข้อดีของการ Pre-Sale


มาถึงหัวข้อที่ทุกคนรอคอย กับข้อดีของการสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-Sale)  สรุปแล้วบรรดาโปรโมชั่นที่ออกมาในช่วงนี้ไม่จกตาพวกเราจริงๆ ใช่ไหม หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่ที่เราไม่รู้หรือเปล่า มาดูกัน !



ในมุมของคนขาย

จะบอกว่าการขายแบบล่วงหน้า หรือ Pre-Sale นี้ มีประโยชน์กับคนขายมากๆ ข้อแรกเลย คือ มันทำให้ธุรกิจนั้นๆ สามารถมองเห็นภาพรวมของยอดขายได้เลยว่าดีหรือไม่ดียังไง โปรโมชั่นในตอนนี้ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ดีไหม สามารถนำไปปรับใช้กับช่วงที่ขายจริงยังไงได้บ้าง

ซึ่งต้องบอกว่าการทำโปรโมชั่นในช่วง Pre-Sale นี้ สามารถดึงดูดลูกค้าได้ดีมากๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ยิ่งโปรดีมาก ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นทำให้เกิดการซื้อขาย และปิดการขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว  ถ้าให้เห็นภาพมากขึ้น ปันโปรขอยกตัวอย่างการทำโปรโมชั่นช่วง Pre-Sale iPhone 13 ที่ผ่านมาของ Shopee ที่แจกโค้ดส่วนลดมากถึง 13,000 บาท ซึ่งได้รับความสนใจดีมาก ส่งผลทำให้โค้ดหมดในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที นี่แหละคือการทำโปรโมชั่นที่ว้าว และได้รับความสนใจจากลูกค้าไปได้เยอะ







และอย่างที่บอกไปว่า การขายแบบล่วงหน้านี้จะมีระยะเวลากำหนดว่าจะครอบคลุมตั้งแต่วันนี้ - วันไหน ซึ่งนั่นก็ได้รวมไปถึงระยะเวลาของโปรโมชั่นพิเศษที่จะถูกปล่อยออกมาด้วยเช่นกัน บางธุรกิจอาจจะทำโปรโมชั่นซ้อนโปรโมชั่น อาทิ จะเปิดด้วยโปรที่ว้าวมากๆ ก่อน แต่จะจำกัดแค่เพียงระยะเวลานึง หรือจำกัดสิทธิ์ไว้แล้วว่ามีทั้งหมดกี่สิทธิ์ พอครบตามที่กำหนดปุ๊บ ก็จะปล่อยโปรโมชั่นอื่นมาเสริมทัพ ซึ่งอาจจะแรงสู้โปรโมชั่นแรกไม่ได้ แต่ก็ถือว่าลดไปได้เยอะอยู่ เป็นต้น





ในมุมของคนซื้อ

ถ้าถามว่า Pre-Sale มีข้อดีอะไรในมุมของคนซื้ออย่างพวกเรา ปันโปรตอบเลยว่า มันคุ้มค่าแน่นอน เพราะอย่างที่บอกไปว่า การทำโปรโมชั่นช่วง Pre-Sale จะเป็นโปรโมชั่นที่แรงจริงๆ มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขายจริงๆ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่โปรที่คุ้มค่า และลดเยอะจริง

แต่ข้อจำกัดของโปรโมชั่นในช่วง Pre-Sale นี้อาจจะแลกมาด้วย ความเร็วในการซื้อ รวมไปถึงระยะเวลาในการรอสินค้า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละร้านค้าจะจัดโปรโมชั่นของตัวเองยังไง ถ้าหากเป็นสินค้าประเภทเดียวกันก็ต้องเปรียบเทียบกันให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ รวมไปถึงเงื่อนไขต่างๆ ก็ต้องอ่านกันให้ละเอียดด้วยนะ !

ที่สำคัญโดยปกติแล้วการซื้อขายแบบ Pre-Sale ทางผู้ขายจะทำการเก็บเงินค่าสินค้าจากพวกเราเลย แต่จะเก็บแบบเต็มจำนวนเลย หรือจะเก็บแค่บางส่วนก่อน ก็ต้องขึ้นอยู่กับร้านค้านั้นๆ กันอีกที ซึ่งการเรียกเก็บเงินไม่ว่าจะจำนวนเท่าไหร่แบบนี้ ไม่ถือว่าผิดนะ ดังนั้น ใครจะสั่งซื้อสินค้าแบบล่วงหน้าต้องเข้าใจกันไว้ก่อนเลยว่าจะต้องมีการเก็บเงินค่าสินค้าจากเรากันก่อนแน่นอน

สำคัญที่สุดในมุมคนซื้ออย่างเรา คือ จะต้องอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขกันให้ดีก่อน ว่าสั่งซื้อล่วงหน้าวันนี้ จะได้รับของอีกทีเมื่อไหร่ จัดส่งทางไหน มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้เราควรอ่านกันตั้งแต่ก่อนที่จะสั่งซื้อ จะได้ไม่ได้มีปัญหาในภายหลัง หรือใครมีข้อสงสัย หรืออ่านแล้วไม่เคลียร์ยังไง ปันโปรแนะนำว่าให้สอบถามกับทางร้านค้านั้นๆ ให้ชัดเจนก่อนเลยจะดีที่สุด







สรุปแล้วก็คือ เทคนิคการขายแบบ Pre-Sale นั้นเป็นส่วนหนึ่งในวงจรการขายสินค้า โดยจะมีระยะเวลาสั้นๆ เหมือนเป็นการสำรวจตลาดดูก่อน ว่ามีคนสนใจในสินค้าของเราเยอะไหม ปกติแล้วผู้ขายจะใช้เทคนิคนี้กับสินค้าที่มีมูลค่ามากๆ ป้องกันการเกิดปัญหาที่ว่า สินค้าค้างสต็อกเยอะ หรือสั่งมาแล้วขายไม่ได้เลยสักชิ้น เลยใช้วิธีการขายแบบนี้ในการปูทางไปก่อน ซึ่งนอกจาก Pre-Sale และ Sale แล้ว ยังมีการขายแบบ Post-Sale  อีกด้วย

แต่ถ้าใช้คำว่า การขาย กับ Post-Sale เลยคงจะไม่ใช่ไปซะทีเดียว เพราะความหมายที่แท้จริงของคำนี้ จะเป็นแนวการติดตามหลังการขาย หรือบริการหลังการขายมากกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของวงจรการขายด้วยเช่นกัน ยังไงปันโปรก็หวังว่าเพื่อนๆ คงจะเข้าใจรูปแบบการขายต่างๆ เหล่านี้กันมากขึ้น เพราะดูเหมือนว่า Pre-Sale คงจะมีบทบาทกับพวกเรากันไปอีกนาน