หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: แกะสูตรลดน้ำหนักแบบ ใหม่ ดาวิกา IF จำกัดการกินอะไร ยังไงนะ?  (อ่าน 1596 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499


กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งกับการลดน้ำหนักแบบ IF
หรือ Intermittent Fasting



แล้วการลดน้ำหนักแบบ IF นี้คืออะไร มีขั้นตอนแตกต่างจากการลดน้ำหนักทั่วไปไหม
ได้เวลาทำความเข้าใจไปด้วยกันแล้ว~


เมื่อพูดถึงเทคนิคการลดน้ำหนักที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เรียกได้ว่ามีสารพัดวิธีมากๆ และวิธีที่ได้ผลสำหรับแต่ละคนก็มีแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน รวมไปถึงการออกกำลังกาย หลายคนที่ลองเปลี่ยนวิธีการลดน้ำหนักมาเรื่อยๆ ก็คงจะสิ้นหวังในการลดน้ำหนักกันไปบ้างแล้ว แต่แอดเชื่อว่ามันจะต้องมีวิธีที่ได้ผล ขอเพียงทุกคนอย่าเพิ่งถอดใจกันไปซะก่อน เพราะตราบใดที่เรามีความตั้งใจและมีเป้าหมายต่อตัวเองอย่างชัดเจน การลดน้ำหนักของเราจะต้องเห็นผลอย่างแน่นอน



และเทคนิคการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น เทคนิคการลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting ที่เคยเป็นกระแสในบ้านเรามาแล้วตั้งแต่ช่วงปี-สองปีที่ผ่านมา ซึ่งกลับมาได้รับความนิยมกันอีกครั้งในช่วงนี้ ยกตัวอย่างดาราขวัญใจใครหลายคนอย่าง ใหม่ ดาวิกา ที่เปิดเผยเคล็ดลับในดูแลรูปร่างของตนเองว่ามีการใช้วิธีควบคุมน้ำหนักอย่าง IF  หลังจากที่เจ้าตัวเกิดอาการบ้านหมุนจนทำให้น้ำหนักขึ้นมาเกือบๆ 3 กิโล

ซึ่งการทำ IF นี้ ทำให้สาวใหม่ ดาวิกาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ ใน 5 วัน เลยได้ทำการแชร์เคล็ดลับเหล่านี้ผ่านช่อง Youtube ของตัวเอง พร้อมทั้งแนะนำเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ใครที่สนใจจะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะต้องปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลกันให้ดีๆ ซึ่งเพื่อนๆ หลายคนอาจกำลังสงสัยกันว่าวิธีการลดน้ำหนักแบบ IF นี้คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีนี้ถึงสังเกตเห็นผลกันแทบจะทั้งนั้น เดี๋ยววันนี้
พี่ โปร จะทำการไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำเคล็ดลับในการทำ IF ให้ได้ผลมาฝากทุกคนกัน






สิ่งสำคัญของการลดน้ำหนักแบบ IF ก็คือ "เวลา"

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าสิ่งสำคัญของการลดน้ำหนักนั้นอยู่ที่การควบคุมปริมาณแคลอรี หรือการเลือกทานแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักลด แต่วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting นั้นเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับแคลอรีมาเป็นการให้ความสำคัญกับช่วงเวลาในการทานอาหารแทน แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเราจะละเลยต่อการควบคุมอาหารไปเลยนะ เพราะทั้งสองอย่างควรที่จะต้องทำควบคู่กัน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะยาว

สำหรับวิธีการลดน้ำหนักแบบ IF นั้นจะแบ่งเวลาออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ Feeding ก็คือเวลาที่เราสามารถทานอาหารได้ กับ Fasting ก็คือเวลาที่เราห้ามทานอาหารเลย โดยเราสามารถแบ่งสัดส่วนของเวลาได้ตามความเหมาะสม แต่สัดส่วนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ 16 : 8  คือทานอาหารได้ 8 ชั่วโมง ส่วน 16 ชั่วโมงให้งดอาหาร






นอกจากสัดส่วน 16 : 8 แล้วยังมี 20 : 4 คือทานได้ 4 ชั่วโมง อีก 20 ชั่วโมงให้งดอาหาร หรือจะหักดิบกว่านั้นคือ 24 : 24 คือทานอาหารได้เต็มๆ เลย 1 วัน แต่วันถัดมาจะต้องงดอาหารตลอดทั้งวัน ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยลองวิธีการลดน้ำหนักแบบนี้มาก่อน พี่ promotion แนะนำให้เริ่มด้วยสัดส่วน 16 : 8 และเมื่อร่างกายเริ่มชินและปรับตัวได้ เราก็สามารถขยับสัดส่วนได้ตามความเหมาะสม

การลดน้ำหนักด้วยวิธี IF นี้มีงานวิจัยออกมาให้การสนับสนุนมากมายว่าสามารถลดน้ำหนักรวมถึงลดปริมาณไขมันในร่างกายได้จริงๆ ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน หรือเป็นโรคอ้วน แพทย์มักจะแนะนำให้ใช้วิธี IF นี้ในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งใครจะไปรู้ว่าการทำ IF นอกจากจะส่งผลทำให้น้ำหนักลดลงได้แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ แถมยังช่วยทำให้การทำงานของสมองนั้นดีขึ้นอีกด้วย






หลักการทำ IF ให้มีประสิทธิภาพ

หัวใจหลักของการทำ IF คือการช่วยคนที่ไม่มีวินัย หรือคุมแคลอรีไม่เก่งให้สามารถควบคุมน้ำหนักของตนเองได้ โดยอาศัยหลักการง่ายๆ นั่นก็คือเรื่องของเวลา แต่การทำ IF ให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลได้ไวนั้น คนส่วนใหญ่มักจะนำไปผสมผสานกับเทคนิคการลดน้ำหนักแบบต่างๆ อาทิ การทำ IF ควบคู่ไปกับการทานคลีน ทานมังสวิรัติ หรือแบ่งทานเป็นมื้อย่อยๆ ระหว่างวัน รวมไปถึงการเสริมด้วยการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้ออย่างบอดี้เวท เป็นต้น

และสำหรับมือใหม่ทั้งหลายที่เพิ่งหันมาสนใจและอยากลองใช้วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF กันดู
พี่ โปรโมชั่น ก็มีคำแนะนำดีๆ มาฝาก เพื่อให้การทำ IF ของเรามีประสิทธิภาพและเห็นผลมากยิ่งขึ้น เริ่มกันที่

• ตั้งเป้าหมายของตัวเอง ด้วยการเลือกสัดส่วน IF ที่เหมาะสมกับตัวเรา สำหรับมือใหม่ พี่ โปร แนะนำว่าไม่ควรที่จะหักดิบตั้งแต่ต้น ควรทำให้ร่างกายชินกับสัดส่วนปกติก่อน แล้วค่อยปรับเอาตามความเหมาะสมอีกที สำหรับสัดส่วนที่แนะนำสำหรับมือใหม่คือ 16 : 8 คือ ทานอาหารได้ 8 ชั่วโมงและงดอาหาร 16 ชั่วโมง เมื่องดอาหารครบ 16 ชั่วโมงแล้วค่อยเริ่มทานอาหารได้อีกครั้ง

• สำหรับใครที่มีโรคประจำตัว เป็นโรคกระเพาะ หรือมีแผลในกระเพาะ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันก่อน ไม่เช่นนั้นการทำ IF ของเราอาจจะทำให้อาการเหล่านั้นแย่ลงได้

• เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ปริมาณอาหารและพลังงานที่ได้รับไม่ควรเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ โดยเราสามารถใช้สูตรคำนวนปริมาณพลังงานที่เหมาะสมกับตัวเรากันก่อนได้ด้วยการนำน้ำหนัก (คิดเป็นกิโลกรัม) x 30 ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจำนวนพลังงานที่เหมาะสมใน 1 วันของเรานั่นเอง

• พฤติกรรมการทานอาหารของผู้ที่ทำ IF ไม่ควรอัดทานใน 1 มื้อ แต่เราสามารถแบ่งทานเป็นมื้อย่อยๆ ได้ ในระยะเวลาที่กำหนด





• นอกจากปริมาณอาหารและพลังงานจะสำคัญแล้ว สารอาหารก็ควรที่จะต้องได้ครบเช่นกัน อย่างผักผลไม้ถือเป็นอาหารที่ห้ามละเลยเป็นอันขาด และควรที่จะเป็นส่วนประกอบในมื้ออาหารทุกๆ มื้อของเราด้วยเช่นกัน

• สำหรับมือใหม่ที่หัดทำ IF ในช่วงแรกๆ อาจจะมีอาการข้างเคียงบ้าง (แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนนะ) อาการข้างเคียงที่ว่านั่นก็คือ อาการอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ ไม่มีแรง แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่าอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากที่ร่างกายของเราปรับตัวได้แล้ว อย่างช้าที่สุดประมาณ 1 เดือนเป็นต้นไป

• ที่สำคัญคือ การลดน้ำหนักแบบ IF อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ทั้งนี้ต้องอาศัยการสำรวจพฤติกรรมของตนเองในแต่ละวัน เวลาตื่น เวลานอน รวมถึงการมีโรคประจำตัว ถ้ารู้ตัวว่าตนเองไม่เหมาะกับการลดน้ำหนักแบบ IF ก็ให้ลองหาวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่นกันดูน้า





ไขข้อสงสัย ทำไมทำ IF แล้วน้ำหนักไม่ลด?

สำหรับผู้ที่ทำ IF บางคนอาจจะเกิดปัญหาตรงที่ว่า ทำไมทำตามสูตรทุกอย่างแล้ว แต่น้ำหนักไม่เห็นลดลงเลย จะบอกว่าการทำ IF ที่มีประสิทธิภาพนั้นร่างกายอาจจะไม่ได้แสดงออกถึงผลลัพธ์ในระยะเวลาเพียงแค่วัน หรือสองวัน ทั้งนี้ต้องอาศัยการทำอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือต้องทำให้ถูกวิธีด้วยนะถึงจะเห็นผล

แต่สำหรับใครที่ไม่เห็นผลจริงๆ อาจจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามามีบทบาทต่อการทำ IF ของเรา ยกตัวอย่างเช่น ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ที่ส่งผลทำให้น้ำหนักไม่ลด หรือการออกกำลังกายที่น้อยเกินไป ทำให้ปริมาณอาหารที่ได้รับและพลังงานที่ใช้ไปนั้นไม่สมดุลกัน หรืออาจจะมาจากกรรมพันธุ์ (ในบางคน) รวมไปถึงการทานอาหารที่ผิดวิธีก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

ทางที่ดีคือ นอกจากเราจะให้ความสำคัญต่อการทำ IF แล้ว เราควรจะเลือกอาหารที่ควรทาน เลี่ยงอาหารที่ไม่ควรทาน และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์และสุขภาพที่ดีของเรานะจ๊ะ






ปันโปรคัดให้
แอปพลิเคชันสำหรับมือใหม่หัด IF

หลังจากศึกษาขั้นตอนการทำงานของการลดน้ำหนักแบบ IF กันไปแล้ว หลายคนคงอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองกันตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่ง พี่ promotion ก็มีแอปพลิเคชันดีๆ ที่จะช่วยทำให้การทำ IF ของเรามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกและเป็นตัวช่วยที่จะเข้ามามีบทบาทกับการทำ IF ของเรา สำหรับแอปที่จะแนะนำนั้นมีตามนี้เลยจ้า





Zero - Fasting Tracker

สำหรับแอปนี้ จะช่วยให้เราทำ IF ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่เราสามารถเลือกสัดส่วนในการทำ IF ที่เราต้องการกันได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายสูตรมากๆ แถมตัวแอปยังช่วยนับเวลาการ Feeding และ Fasting พร้อมทั้งยังคอยย้ำเตือนเมื่อใกล้จะถึงเวลาเริ่มหรืออดอาหาร นอกจากนี้ตัวแอปยังมีการออกแบบลูกเล่นที่น่าสนใจ รับรองว่าผู้ใช้งานอย่างเราไม่มีเบื่อกันแน่นอน





มีหลายสูตรให้เลือกทำเยอะมาก~





แถมยังมีบทความสุขภาพให้ได้อ่านกันด้วยนะ







FashHabit Intermittent Fasting

อีกหนึ่งแอปที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับแอปนี้ลูกเล่นอาจจะไม่ได้มีเท่าแอป Zero แต่ก็ถือว่าเป็นความเรียบง่ายที่ลงตัว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก ใช้สำหรับการจดบันทึก และให้ตัวแอปทำการแจ้งเตือนอย่างเดียว แต่ใครว่าจะมีแค่นี้ แอปเค้ายังสามารถคำนวนการทำ IF ของเราออกมาในรูปแบบของกราฟ เพื่อให้เราดูประสิทธิภาพของการทำ IF ที่ผ่านมาว่าดีหรือไม่ดียังไง

โดยกราฟจะแสดงผลออกมาเป็นสัปดาห์ ไปจนถึงเดือนเลย หากใครไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรเยอะ โหลดแล้วสามารถใช้งานได้เลย แอดแนะนำแอปนี้เลยจ้า





การใช้งานง่ายๆ ไม่ต้องทำความเข้าใจยาก





หน้าตาของกราฟแสดงผล อันนี้แอดยังไม่ได้ลองจริงๆ จังๆ หน้าตากราฟเลยโล่งๆ ประมาณนี้ แหะๆ







BodyFast Intermittent Fasting

ปิดท้ายกันด้วยแอปสีเขียวรักษ์โลกแอปนี้ ที่ให้เรากำหนด Goal ในการทำ IF ของตัวเองตั้งแต่เริ่มว่าอยากจะทำ IF เพื่อจุดประสงค์ใด โดยมีให้เลือกตั้งแต่ลดน้ำหนัก รักษารูปร่าง หรือทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือ นอกจากมือใหม่แล้ว ใครที่เป็นเซียนการทำ IF ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน โดยแอปจะมีการแนะนำสัดส่วน IF ที่เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายและพฤติกรรมการของคนแต่ละกลุ่มออกมาให้

นอกจากนี้เราสามารถจ้างโค้ชส่วนตัวมาช่วยควบคุมการทำ IF ของเราแบบใกล้ชิดกันได้ด้วย หรือใครที่คิดว่าตัวเองนั้นมีวินัยเพียงพอ ขั้นตอนนี้ถือว่าไม่จำเป็นเลยจ้า






ทางแอปมีการให้เราเลือกเป้าหมายกันก่อนด้วยว่าเราต้องการที่จะทำ IF เพื่ออะไร




เมื่อเข้ามาข้างในก็มีรูปแบบ IF ให้เลือกทำกันเพียบเลย ใครสายเบื่อง่ายบอกเลยว่าเหมาะ!





ปันโปรสรุปให้

• การทำ IF หรือ Intermittent Fasting กลับมาได้รับความนิยมกันอีกครั้ง สำหรับใครที่เคยผิดหวังกับการลดน้ำหนักจนท้อกันไปแล้ว ลองมาใช้วิธีนี้กันก่อนเป็นไง เพราะแทนที่จะไปโฟกัสที่แคลอรี สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการลดน้ำหนักแบบ IF นี้จะอยู่ที่เวลาแทน

• กฏที่สำคัญสำหรับการทำ IF นั่นก็คือ เราจะต้องมีวินัยมากๆ และจะต้องตั้งเป้าหมาย (ที่ทำได้) กันให้ชัดเจน สาเหตุที่ทำให้หลายคนลดน้ำหนักไม่สำเร็จส่วนใหญ่มักมาจากการล้มเลิกกลางคัน หรือพอเห็นตัวเลขน้ำหนักที่ไม่ขยับไปไหนเลยก็เกิดอาการท้อไปซะก่อน แอดบอกเลยว่าการลดน้ำหนักนั้นเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา เราเองจะต้องใจเย็นๆ  และที่สำคัญคือเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายควบคู่กับการทำ IF ไปด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

• สุดท้ายที่จะฝากคือ การลดน้ำหนักแบบ IF อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ให้เราลองศึกษาและวิเคราะห์ตัวเองกันก่อนว่าเราเหมาะไหมสำหรับการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อันนี้แอดอยากให้ไปปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะเริ่มทำ IF กันน้า




App Punpro โหลดเลย ทั้งแจ้งโปร มีดิลร้อนลดราคาแรงๆ และบริการรับหิ้วสินค้าให้พร้อม
คลิ๊กเลย!!!
v
v