หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: โบกมือลา 'เหนียง' ด้วยวิธีธรรมชาติหรือฝีมือหมอ อย่างไรจะเวิร์คกว่านะ  (อ่าน 1513 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499


เหนียง ปัญหารบกวนใจทั้งหญิงชาย
เราสามารถลดเหนียงได้
ทั้งแบบธรรมชาติและโดยคุณหมอ
แต่จะราคาเท่าไร มีวิธีการยังไง มาดูค่ะ



เหนียง ทำไมเราถึงมีเหนียง? เคยเห็นคนที่เขาผอมมาก ๆ ไหมคะ บางคนยังมีเหนียงเลยทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อ้วน ทำไมเขาถึงมีเหนียงได้  วันนี้พี่โปรหาคำตอบมาให้แล้ว ใครที่อยากกำจัดเนื้อย้อยใต้คางออกไป เรามีทั้งลดเหนียงวิธีธรรมชาติ และลดเหนียงด้วยวิธีทางการแพทย์ เรามาเริ่มจากการหาที่มาของเหนียงกันก่อนดีกว่าค่ะ



เหนียงเกิดจาก?



เหนียง คือไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่สะสมอยู่ใต้คางค่ะ พอเราก้มหน้าลง ไขมันก็แสดงตัวตนและทำให้เราดูมีคางสองชั้น คนที่คางเล็กก็จะเห็นชัดหน่อย ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มันก็มีหลายกรณี แต่ส่วนมาก มาจากการที่เรามีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น เช่น กินเยอะ ไม่ออกกำลังกาย ไขมันก็จะไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากความอ้วนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีก พันธุกรรม ความหย่อนคล้อยของผิวหนังตามวัย





วิธีลดเหนียงทำอย่างไรได้บ้าง



เหนียงลดได้ 2 วิธี คือ รักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ และ วิธีธรรมชาติ เรามาเริ่มกันที่วิธีทางการแพทย์ก่อนเลยค่ะ ซึ่งข้อมูลนั้น ปันโปรได้จากการสอบถาม คุณหมอหญิง จากคลินิค “DermaPride Clinics” ค่ะ






ลดเหนียงด้วยการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์

การดูดไขมัน



มันก็เหมือนการผ่าตัดค่ะ วิธีนี้จะช่วยสลายไขมันส่วนเกินด้วยการใช้ความร้อน ก่อนจะดูดไขมันออกมาทางอุปกรณ์พิเศษ ซึ่งการดูดไขมันจะสลายไขมันส่วนเกินออกเท่านั้น ผลกระทบจากการทำวิธีนี้ ร่างกายเราจะช้ำ บวม มีเจ็บปวดที่แผลบ้าง ทำให้ต้องมีระยะพักฟื้น ทางแพทย์จะให้คนไข้บางเคสใส่ชุดกระชับบริเวณที่เราดูดไขมันออกไป (บางคนใส่เป็นเดือน) และห้ามออกกำลังกาย

ราคาโดยประมาณ : 20,000 - 90,000 บาท







Mesofat (เมโสแฟต)



นวัตกรรมสลายไขมันโดยการฉีดยาบางกลุ่มเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อสลายไขมันบริเวณนั้น ๆ ข้อดีของ Mesofat คือ สามารถสลายออกจากร่างกายได้เอง เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มันจะขับออกมาทางปัสสาวะ นอกจากนี้จะช่วยทำให้เนื้อเยื่อกระชับ และแข็งแรงขึ้น ตัวนี้จะเจ็บน้อย พักฟื้นน้อย เข็มเล็ก ผลกระทบจะมีไม่ค่อยมาก ไม่มีบวม แดง แต่อาจจะมีรอยช้ำจากการฉีดบ้างเท่านั้นค่ะ (ซึ่งส่วนผสม Mesofat ของบางยี่ห้อจะช่วยยกกระชับผิวหน้า ไม่ทำหย่อนคล้อย ซึ่งก็แล้วแต่คลินิคนะคะ)

ราคาโดยประมาณ : 800 - 5,000 บาท







โบท็อกลิฟกรอบหน้า



การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณส่วนคอ หมอจะฉีดโบท็อกที่บริเวณกรอบหน้า และใต้คาง ทำให้หน้าดูคมขึ้น ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า หลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์จะเห็นผลชัด ซึ่งถ้าต้องการลดเหนียง ควรฉีดด้วยเทคนิค Botox Nefertiti lift เนื่องจากเป็นการฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอ ผิวหนังถูกดึงขึ้น เหนียงก็จะลดลงไปด้วยค่ะ ซึ่งผลกระทบในบางกรณีอาจจะทำให้คอแห้ง

ราคาโดยประมาณ : 2,300 - 70,000 บาท






Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound



Hifu เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจน หรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นการดึงหน้า ที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับ ข้อดีคือไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เพราะไม่มีเข็ม ซึ่งคลื่นอัลตร้าซาวด์ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นนอก และไม่ส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกายค่ะ แต่วิธีนี้เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย กระชับรูขุมขน หรือกรอบหน้าไม่ชัด

ราคาโดยประมาณ : 1,600 - 38,000 บาท

*ราคาโดยประมาณอิงจาก hdmall.co.th และ gowabi.com (ราคาสูงต่ำขึ้นอยู่กับจำนวนครั้ง และโปรโมชั่น)






พี่ promotion สรุปให้ :
การดูดไขมัน เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลแบบรวดเร็ว แต่ในระยะยาวอาจจะต้องดูแลตัวเองต่อเนื่อง เพราะการดูดไขมัน จะทำร่างกายผิวหนังหย่อนคล้อย เราต้องคุมอาหาร และออกกำลังกายทดแทน
หากใครที่ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติเลย แนะนำ Mesofat, โบท็อกลิฟกรอบหน้า และ Hifu
ใครมีกำลังทรัพย์ และกลัวเจ็บแนะนำ Hifu ราคามากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่เราต้องได้รับ






เหนียงก็ยาน ผมก็บางและร่วง ต้องมาดูแลกันหน่อยแล๋ว







Phathavie Herbal shampoo


ช่วย >>> ลดผมร่วงหลังคลอด

และ >>> ลดผมร่วงช่วยเสริมผมขึ้นใหม่ เห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ,

  เร่งผมยาวไว , สามารถใช้แทน
>>> ยาปลูกผม <<<



 เร่งผมยาวไว , สามารถใช้แทนยาปลูกผม




เรื่องของผมอย่าปล่อยให้ผมร่วงจนบางล่ะ








การเตรียมตัวเข้ารับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์


เนื่องจากมีตัวยาหลากหลายยี่ห้อ ถามว่าหมอจะใช้ยาตัวไหนก็ขึ้นอยู่กับคนไข้ด้วยว่าต้องการแบบไหน อย่างที่คลินิค “DermaPride Clinics” หมอจะตรวจร่างกายก่อน จากนั้นประเมินว่าลักษณะหน้าแบบนี้ต้องได้รับการฉีดกี่โดส โดยเฉพาะคนที่ต้องการฉีด Mesofat หากไม่อยากช้ำให้ งด vit.c, vit.E หรือ แปะก้วย หรือ ตัวยาที่ส่งผลต่อการหยุดของเลือดยาก เช่น แอสไพริน ก่อนฉีด 2 สัปดาห์ (แต่ถ้าหากจำเป็นต้องกินก็ไม่มีปัญหา และหลังฉีดก็ไม่ต้องงดนะคะ) และถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปีต้องให้ผู้ปกครองเซ็นใบอนุญาติก่อน และหลังการทำควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์



| ยกตัวอย่างกรณีการฉีด Mesofat ของ คลินิค “DermaPride Clinics”


ตอนแรกพี่ โปรโมชั่น คิดว่า Mesofat ก็คือ Mesofat นั่นแหละ คือมีแค่ตัวยาตัวเดียว ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ค่ะ มันมีหลายยี่ห้อ และมีหลายราคาขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของ Mesofat ขวดนั้น ๆ



อย่างที่นี่ “DermaPride Clinics” มี 3 แบบ 3 ราคา

Mesofat โดสละ 1,500 บาท ช่วยสลายไขมันเพียงอย่างเดียว (ไม่แสบ ไม่บวม ไม่แดง)
Meso V lift โดสละ 2,500 บาท ช่วยลดได้ดี บริเวณแก้ม และเหนียง ที่สำคัญคือช่วยยกกระชับด้วย
Meso Pheomelanin โดสละ 3,000 บาท เมโสสูตรเฉพาะ ที่ช่วยให้หน้าใส ฉ่ำวาว ปรับผิวให้ขาว



ซึ่งผลลัพธ์ และระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล คุณหมอจะช่วยประเมินให้ว่าควรรับกี่โดส เราก็เลยเป็นเคสตัวอย่างให้ดูเลยล่ะกัน ว่าหน้าแบบนี้ควรได้รับกี่โดส   คุณหมอประเมินว่า ลักษณะนี้ถ้าฉีด Mesofat จนไขมันหายเกลี้ยง แก้มใช้ 3 โดส เหนียงใช้ 3 โดส โดยฉีดแก้ม ครั้งละ 1 โดส, เหนียงครั้งละ 1 โดส และ นัดมาฉีดซ้ำ ทุก 1 สัปดาห์ จนครบ 3 สัปดาห์ เหนียง และแก้ม ก็จะยุบ หน้าเรียว ไร้เหนียง เลยจ้า







ลดเหนียงด้วยการรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ



สำหรับใครที่ไม่สันทัดการหาหมอ วิธีธรรมชาติก็มีให้เลือกค่ะ มันคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย เห็นผลช้า แต่ไม่ต้องเสียเงิน แล้วก็ไม่เจ็บด้วย ซึ่ง "การออกกำลังกาย" คววรเน้นท่าที่ช่วยบริหารใต้คาง ไม่ว่าจะเป็น





ท่ายืดกราม เงยหน้าขึ้นมองเพดาน แล้วพยายามยื่นกรามด้านล้างไปข้างหน้าให้มากที่สุดจนรู้สึกตึงที่ใต้คาง ค้างไว้แล้วนับ 1-10 จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น

ท่ายื่นปาก เป็นท่าออกกำลังกายคล้ายกับท่าแรก เริ่มต้นจากการเงยหน้า แล้วทำปากเหมือนจูบ โดยยื่นปากออกไปให้มากที่สุดจนรู้สึกตึงที่ใต้คาง จากนั้นกลับสู่ท่าปกติ








ท่ายืดกรามล่าง คล้ายกับท่าแรก แต่ท่านี้จะเพิ่มท่าด้วยการเอียงศีรษะไปด้านขวา และค่อยยื่นกรามข้างล่างไปด้านหน้า นับ 5-10 แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น จากนั้นเปลี่ยนไปเอียงศีรษะด้านซ้าย ทำเป็นประจำจะช่วยให้เหนียงหายไปได้








ท่าแลบลิ้น ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง โดยเริ่มจากการหันหน้าตรงแล้วแลบลิ้นออกไปให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นยกลิ้นขึ้นไปพยายามแตะจมูก แล้วค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าปกติ
ท่ายืดคอ ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณคอ เงยหน้าขึ้นมองเพดาน จากนั้นดันลิ้นชนกับเพดานปากแล้วค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วคลายออก หากทำเป็นประจำจะช่วยลดไขมันส่วนเกินและผิวหนังที่หย่อนคล้อยบริเวณคอได้






สรุปเรื่องเหนียง

- เหนียง หรือ คางสองชั้น เกิดจาก น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น พันธุกรรม และวัย ดังนั้นถึงแม้เราจะไม่อ้วนก็มีเหนียงได้ค่ะ

- ไม่ว่าจะเอาเหนียงออกไปแล้วด้วยวิธีการอะไรก็ตาม เหนียงสามารถกลับมาได้อีก ถ้าเราไม่ควบคุมอาหารให้ดี

- การกำจัดเหนียงต่อคนใช้เงินเท่าไร ขึ้นอยู่กับใบหน้านั้น อย่างการทำ Mesofat ของที่ คลินิค “DermaPride Clinics” โดยประมาณแล้วราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อลดเหนียงอยู่ที่ 1,500 - 10,000 บาท เพราะบางคน คุณหมอบอกว่าฉีดครั้งแรกก็เห็นผลทันทีค่ะ