หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ ต้องทำยังไง อุณหภูมิเท่าไหร่ดี มีคำตอบ!  (อ่าน 1467 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2499


แอร์ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่สุดในเวลานี้
อากาศยิ่งร้อนเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำงานหนัก ใช้พลังงานมากเท่านั้น
แบบนี้ต้องหาวิธีช่วยให้ใช้แอร์ได้อย่างประหยัดหน่อยแล้วล่ะ!



Highlight ของการใช้งานแอร์อย่างประหยัดไฟ

• คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า "แอร์" เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นต้องมีสำหรับทุกบ้านไปแล้ว แต่ พี่ โปร บอกเลยว่าเจ้าตัวนี้แหละกินไฟสุดเลย

• จะใช้งานแอร์ให้ประหยัดไฟ อาจจะต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อแอร์สักเครื่องนึงเลย แต่ถ้าหากติดตั้งไปแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาจ้า

• พฤติกรรมการใช้งานมีผลอย่างมากต่อการใช้ไฟของแอร์เครื่องนึง เราต้องปรับตัวและรู้จักวิธีการใช้งาน ก็จะช่วยให้ประหยัดเงินไปได้เยอะทีเดียว


เปิดแอร์เยอะ ต้นเหตุทำค่าไฟพุ่งไม่หยุด

ช่วงนี้ค่าไฟแพงเหลือเกินจ้าแม่จ๋า หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อากาศมันร้อน 40 องศาแล้ว แถมยังต้องอยู่บ้านตลอดทั้งวัน เปิดแค่พัดลมมันก็ไม่ไหวจริงๆ ต้องเปิดแอร์เนี่ยแหละถึงเย็นสบาย จะได้มีแรงทำงาน Work From Home พอเปิดแอร์แล้วโลกมันช่างสดใสเหลือเกิน พัดลมเอาไม่อยู่เหงื่อยังแตกเลย จะคิดงานอะไรก็นึกไม่ออก หัวไม่แล่น ตื้อไปหมด






คุณกำลังพบเจอปัญหาแบบนี้อยู่หรือไม่?

พี่ promotion มีตัวช่วยดีๆ มาฝากกันแล้วจ้า เพราะรู้ว่าแทบทุกบ้านจะต้องใช้งานเครื่องปรับอากาศกันอย่างหนักหน่วงทีเดียว ก็เลยมีคำแนะนำแบบสามารถนำไปทำตามได้เลย ไม่ยุ่งยาก รับรองว่าทำตามแล้วแอร์จะกินไฟน้อยลงกว่าเดิม แถมเงินในกระเป๋าก็ยังเหลือเพิ่มขึ้นอีกด้วย (สำหรับมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของภาครัฐ ยังมีต่อเนื่องไปจนถึงเดือน พ.ค. 63 เหมือนเดิม คลิกเลย)



ประหยัดไฟเบอร์ 5 อาจจะไม่พอ ต้องมีระบบ Inverter ด้วย

สมัยก่อนจะบอกกันเสมอว่าเวลาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ ต้องมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สีเหลืองอยู่ที่เครื่องด้วยนะ แต่ความจริงคือตอนนี้ไม่ว่าจะซื้อแอร์ยี่ห้อไหนก็ตาม ก็มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กันหมดแล้วล่ะ ดังนั้นแค่ดูฉลากคงไม่เพียงพออีกแล้ว คงต้องเจาะลึกกันไปถึงตัวเลขบนฉลากกันแล้ว ซึ่งสิ่งที่เราสนใจดูแค่จุดเดียว รับรองรู้เลยว่าควรซื้อแอร์เครื่องไหนดี นั่นก็คือ "ค่าประสิทธิภาพพลังงาน" หรือ Energy Efficiency Rate ใช้ตัวย่อว่า EER

ในปัจจุบันนี้จะมีค่าประสิทธิภาพด้วยกัน 2 แบบ คือ EER และ SEER ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของปรับอากาศว่าเป็นแบบไหน ซึ่งจะมีกำหนดว่าต้องมีค่า EER หรือ SEER เท่าไหร่ถึงจะได้รับเกณฑ์ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 แล้วเดี๋ยวนี้ก็ยังแบ่งย่อยลงไปอีก มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบปกติและติดดาวด้วยแหละ







เวลาจะเลือกซื้อแอร์ ก็ต้องดูค่าประสิทธิภาพ (หมายเลข 4) ด้วยนะ ตัวเลขยิ่งเยอะยิ่งดี
แล้วเกณฑ์ของเครื่องปรับอากาศเป็นยังไงบ้าง มาดูกันโหน่ยยย~




เครื่องปรับอากาศแบบ Fixed Speed (รุ่นทั่วไป ไม่ใช่ Inverter) ใช้หน่วยเป็น EER

เบอร์ 5 (ทั่วไป)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 12.85-13.84
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 12.40-13.39


เบอร์ 5 (1 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 13.85-14.84
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 13.40-14.39


เบอร์ 5 (2 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 14.85-15.84
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 14.40-15.39


เบอร์ 5 (3 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 15.85 ขึ้นไป
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 15.40 ขึ้นไป




เครื่องปรับอากาศแบบ Inverter ใช้หน่วยเป็น SEER

เบอร์ 5 (ทั่วไป)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 15.00-17.49
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 14.00-16.49


เบอร์ 5 (1 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 17.50-19.99
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 16.50-18.99


เบอร์ 5 (2 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 20.00-22.49
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 19.00-21.49


เบอร์ 5 (3 ดาว)

• ขนาดไม่เกิน 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 22.50 ขึ้นไป
• ขนาดมากกว่า 27,296 BTU จะต้องได้ค่า EER = 21.50 ขึ้นไป


(ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5)



คือไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก ตัวเลขค่า EER และ SEER ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งประหยัดพลังงาน เวลาเราเลือกซื้อแอร์ก็ควรดูค่านี้บนฉลากเบอร์ 5 ด้วย เปรียบเทียบกันว่ารุ่นไหน ยี่ห้อไหน ประหยัดสูงสุด เพราะจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ปีนึงหลายบาททีเดียวล่ะ และถ้าสังเกตดีๆ แอร์แบบ Inverter จะมีค่าประหยัดพลังงานมากกว่าเยอะอยู่ไม่น้อย เวลาเลือกซื้อแอร์ระบบ Inverter ก็จะเวิร์คกว่า แต่ก็จะมีราคาสูงกว่าเช่นกัน ลองชั่งน้ำหนักเวลาจะซื้อดูจ้า

คราวนี้เมื่อแอร์พร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องเลือกใช้งานให้ถูกวิธีและประหยัดไฟด้วย ไม่ใช่ว่าจะเปิดอุณหภูมิเท่าไหร่ก็ได้ เปิด-ปิดเวลาตามใจ แบบนี้ยังไงค่าไฟก็ต้องพุ่งเป็นธรรมดา ลองเอาตัวช่วยไปทำให้ค่าไฟลดลงกันดูดีกว่าจ้า






ปรับอุณหภูมิของแอร์เป็น 26-27 องศาเซลเซียส

ยังคุ้นๆ กันมั้ยเอ่ย ว่าก่อนหน้านี้เคยมีแคมเปญรณรงค์กันว่าให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้ แต่มาถึงยุคนี้อากาศร้อนขึ้นเราก็เลยปรับเกณฑ์ใหม่จ้า (เกี่ยวกันมั้ยหว่า 55) ความจริงแล้วช่วงอุณหภูมิที่แอร์ทำงานใช้ไฟน้อยที่สุดก็คือ 25-28 องศาเซลเซียส (ข้อมูลจาก โครงการรวมพลังหาร 2) นั่นเอง





แต่ช่วงนี้กว่าแอร์จะทำความเย็นได้จนถึง 25 องศา ก็ใช้ทั้งพลังงานและเวลาเยอะเลยทีเดียว ลองคิดดูว่าอากาศภายนอกอยู่ที่ 40 องศา แต่ภายในห้องจะต้องลดอุณหภูมิให้ได้เหลือแค่ 25 องศา จะต้องใช้ไฟมากแค่ไหนกัน งั้นเราลองปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 26-27 องศาแทน ก็จะช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลง ความเย็นอาจจะลดลงไปนิดเดียว ไม่รู้สึกเท่าไหร่หรอก บางทีการเปิดแอร์ 25 องศา อาจจะรู้สึกหนาวเกินไป ทำให้แอร์ใช้ไฟมากเกินจำเป็นด้วยซ้ำ



เปิดพัดลมหรือหน้าต่าง ช่วยแอร์ทำความเย็นในช่วงแรก

ในช่วงเริ่มต้นเปิดแอร์ เชื่อว่าภายในห้องนั้น จะต้องมีความร้อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว เรียกว่าอบอ้าวประมาณนึง เราสามารถช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลงได้ โดยระบายอากาศออกไปสักพักนึงด้วยการเปิดหน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเท หรือเปิดพัดลมทำงานพร้อมกับแอร์สักระยะนึง จะทำให้แอร์ทำความเย็นได้เร็วขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง จากประสบการณ์ลองใช้งานของ พี่ โปรโมชั่น เอง แค่เปิดพัดลมจะช่วยทำให้อุณหภูมิลดลงได้ถึง 3 องศา ภายในเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นเองนะ (ผลลัพธ์อาจจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ )








เปิดใช้แอร์เท่าที่จำเป็น ก็เพียงพอแล้ว

บางคนเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นนอนยันนอนอีกรอบนึง ก็คือยังไม่ได้ปิดแอร์เลย แบบนี้ทำให้เครื่องทำงานหนักมากเกินไป และเป็นสาเหตุทำให้เครื่องเสียได้ง่าย แถมยังเปลืองค่าไฟฟ้าอีกต่างหาก ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานให้เป็นเวลาแทนดีกว่ามั้ย เช่น ในช่วงเช้าอากาศยังไม่ร้อนมากก็เปิดพัดลมไปก่อน เปิดหน้าต่างให้มีอากาศถ่ายเท ก็สามารถทดแทนการเปิดแอร์ได้ในระดับนึง ค่อยมาเปิดตอนบ่ายช่วงที่มีอากาศร้อนจัดแทน ประมาณสัก 5 โมงเย็นก็ปิดได้แล้วนะ เพราะบางทีทำงานเพลินๆ ถึง 6 โมงเย็น ลืมปิดแอร์เฉยเลย

หรือถ้าเป็นไปได้ก็เปิดแอร์แค่ช่วงค่ำๆ หรือระหว่างนอนหลับก็จะดีมากเลย เพราะยิ่งเปิดน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งประหยัดไฟจ้า รู้แหละว่าทำยาก ก็ลองดูเอาเท่าที่ไหวจ้า และถ้าเผื่อใครกลัวว่าจะเปิดเลยจำนวนที่ตัวเองตั้งใจไว้เดี๋ยวนี้ตัวรีโมทก็ตั้งเวลาปิด-เปิดได้ ลองตั้งไว้แล้วสิ้นเดือนมาดูกันว่าจะช่วยลดค่าไฟได้มากน้อยแค่ไหน







อีกอย่างนึงก็คือ เปิดแอร์ห้องเดียวอยู่กันหลายคนก็ช่วยประหยัดได้นะ ดีกว่าแยกห้องกันอยู่ เปิดแอร์คนละตัวเลย เปลืองไฟแบบทวีคูณเลยนะแบบนั้น ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ช่วงเย็นหรือค่ำๆ ก็มาอยู่ด้วยกันห้องเดียวแล้วเปิดแอร์ก็พอ แทนที่จะเปิดแอร์ 3 เครื่อง ก็เหลือแค่เครื่องเดียว นี่แหละประหยัดแบบเห็นๆ ไม่ต้องไปดูบิลค่าไฟเลย






ทำความสะอาดแอร์ให้สะอาดในช่วงหน้าร้อน

เมื่อใช้งานแอร์ไปนานๆ ก็จะทำให้มีฝุ่นละอองไปเกาะบริเวณเครื่องคอมเพรสเซอร์ และตัวเครื่อง ทำให้แรงลมที่ออกมาลดลง แต่ตัวเครื่องก็ยังใช้ไฟเท่าเดิมอยู่ ยิ่งทำให้เครื่องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อทำความเย็นให้ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ ลองล้างแอร์แล้วจะพบว่าเหมือนได้แอร์ติดตั้งใหม่ เพราะลมแรงได้ใจมากจริงๆ อากาศจะร้อนแค่ไหนก็ไม่มีหวั่นแล้ว




โดยปกติแล้วเราก็ควรทำความสะอาดล้างแอร์เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น แถมยังเป็นตัวช่วยให้เครื่องทำงานใช้ไฟน้อยลงได้อีกด้วยจ้า ช่วงนี้ก็มีหลายเจ้าลดค่าล้างแอร์ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้อยู่ด้วย ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้แอร์กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้งแล้ว






แอร์บางรุ่นมีโหมด Auto Clean ให้ทำงานเป็นประจำ

ถ้าหากแอร์ที่บ้านใครมีโหมด Auto Clean ก็สามารถกดปุ่มนี้ เพื่อให้เครื่องทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเครื่องจะทำงานคล้ายกับเปิดแอร์ปกติ มีลมปล่อยออกมา แต่นี่แหละเป็นการทำความสะอาดภายในเครื่องอยู่ สามารถเปิดโหมดนี้หลังจากใช้งานเสร็จแล้วก็ได้ อาจจะทุก 1-2 สัปดาห์ แต่ถึงจะเปิดโหมด Auto Clean บ่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนจ้า ตัวเครื่องจะได้สะอาดกว่าเดิม และทำงานได้ดียิ่งขึ้น




ถ้าหากลองทำตามแล้ว เชื่อว่าจะต้องช่วยประหยัดค่าไฟได้ไม่น้อยทีเดียวเลยล่ะ!

#SaveForMore #Saveค่าไฟฟ้า #Saveเครื่องปรับอากาศ



App Punpro โหลดเลย ทั้งแจ้งโปร มีดิลร้อนลดราคาแรงๆ และบริการรับหิ้วสินค้าให้พร้อม
คลิ๊กเลย!!!
v
v