ซัมปาคุโต (ดาบฟันวิญญาณ)
ซัมปาคุโตแต่ละเล่มสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้สามรูปแบบ รูปแบบแรกมีลักษณะเป็นดาบคะตะนะธรรมดา ซัมปาคุโตเกือบทุกเล่มจะดูเหมือนกันในรูปแบบนี้ (อาจแตกต่างกันในเรื่องความยาว รูปแบบกั่นด้ามดาบเป็นต้น)
รูปแบบที่สองเรียกว่า ชิไค (Shikai) หรือปลดปล่อยขั้นต้น ซึ่งซัมปาคุโตทุกเล่มจะแสดงลักษณะเฉพาะตัวของมัน ชิไคของชินิกามิส่วนใหญ่เป็นอาวุธมือที่มีรูปร่างเฉพาะตน บ้างคงรูปดาบญี่ปุ่น บ้างคล้ายดาบจีน บ้างคล้ายดาบเซเบอร์ บ้างเป็นหอก บ้างเป็นมีด เป็นต้น นอกจากนี้ ชิไคแต่ละเล่มยังมีพลังโจมตีเฉพาะตัว เช่น พ่นลูกไฟ พ่นน้ำแข็ง ยึดยาวได้ เป็นต้น
รูปแบบที่สามเรียกว่า บันไค (Bankai - ฉบับภาษาไทยใช้คำว่า ปลดปล่อยสวัสดิกะ) ซึ่งเป็นรูปแบบขั้นสุดยอดของซัมปาคุโต บังไคมีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น บังไคของชินิกามิบางตนเป็นกระดูกงูขนาดยักษ์[อาบาราอิ เร็นจิ] บางตนเป็นดาบเล็กๆ นับล้านเล่ม[คุจิกิ เบียคุยะ] บางตนเป็นหุ่นขนาดยักษ์[ซาจิน] หรือแม้แต่ดาบซามูไรธรรมดาๆ แต่เพิ่มความเร็ว พลังของผู้ใช้[คุโรซากิ อิจิโกะ] เป็นต้น บังไคเป็นรูปแบบที่มีพลังโจมตีสูงและสามารถใช้ท่าไม้ตายที่มีความรุนแรงมาก ได้ มีชินิกามิน้อยตนนักที่สามารถบรรลุบันไคของตัวเอง ผู้ที่ปลดปล่อยบังไคได้เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เป็นยมทูตในระดับ หัวหน้าหน่วย ใน 13 หน่วยพิทักษ์ ยกเว้นสามารถฆ่าหัวหน้าคนเก่าได้[ซาราคิ เคมปาจิ(ซึ่งใช้บังไคไม่ได้)]
ชนิดของดาบฟันวิญญาณ
แบ่งตามลักษณะการใช้งาน เช่น
1.แบบใช้โจมตีโดยตรง เป็นดาบที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเพื่อใช้ในการโจมตีทางกายภาพเป็นหลัก เช่น โฮซึคิมารุ(อิกคาคุ) ซาบิมารุ(เร็นจิ) ซันเงสึ(อิจิโกะ) คาเสะชินิ(ชูเฮย์) เกะเกะซึบุริ(โอมาเอดะ) เท็นเค็น(โคมามูระ) และใช้รูปแบบบินโดยใช้พลังวิญญาณควบคุม เช่น เซมบ้งซากุระ(เบียคุยะ) และ ไฮเนโกะ(รันงิคุ)
2.แบบใช้วิถีมารโจมตี หรือที่เรียกว่าดาบฟันวิญญาณสายวิถีมาร คิโด
1.สายวิถีทำลาย (ฮาโด) คือดาบที่สามารถส่งคลื่นพลังทำลายออกไปได้ เช่น เบนิฮิเมะ(อุราฮาร่า) โทบิอุเมะ(ฮินาโมริ) กะเท็นเคียวคตสึ(ซุนซุย) โซเกียวโนะโคโตวาริ(อุคิทาเกะ)
2.สายวิถีพันธนาการ (บาคุโด) คือดาบที่สามารถใช้ความสามารถในการเหนี่ยวรั้ง ตรึงการเคลื่อนไหว สะกดการเคลื่อนไหว สะกดประสาทสัมผัสของคู่ต่อสู้ เช่น เคียวขะซุยเงสึ(ไอเซ็น) รุริอิโระ คุจาคุ(ยูมิจิกะ) ซาคานาเดะ(ฮิราโกะ) ซึซึมุชิ(โทเซ็น) คินซาละ(โรส)
3.สายพิเศษ สายพลังรักษาอาการบาดเจ็บ เช่น มินาซึกิ(อุโนะฮาน่ะ) ฮิซาโกะมารุ(ฮานะทาโร่) ดาบส่วนนี้ส่วนมากจะอยู่หน่วย 4
แบ่งตามสายพลัง เช่น
1.สายไฟ เช่น ริวจินจักกะ(ยามาโมโตะ) เท็นกูมารุ(เลิฟ) และ ไรคะ(อามาไก)
2.สายน้ำแข็ง เช่น เฮียวรินมารุ(ฮิซึกายะ) และ โซเดะโนะชิรายูกิ(ลูเคีย)
3.สายลม เช่น ทาสึคาเสะ(เคนเซย์) คาเสะชินิ(ฮิซางิ)
4.สายน้ำ เช่น เบจิบานะ (ไคเอ็น)
5.สายมนุษย์ คือสายที่มีคุณสมบัติเช่นทำให้ประสาทสัมผัสด้านชา หรือผสานรวมกับร่างกายผู้ใช้ เช่น อะชิโซงิจิโซ(มายูริ) ซึซึเมะบาจิ(ซุยฟง) ดาบฟันวิญญาณของอารันคาร์
6.สายทฬิน เช่น เท็นสะ ซันเงสึ(อิจิโกะ)
[แก้] ท่าวิชา
[แก้] วิชาของยมทูต
ประกอบด้วยวิชาสี่ประเภทดังนี้
1.วิชาดาบ (Zanjutsu) ในรูปแบบไม่ปลดปล่อย การใช้งานเหมือนวิชาดาบทั่วไป แต่เมื่อปลดปล่อยขั้นต้นหรือปลดปล่อยสวัสดิกะ จะมีวิธีการใช้งานแตกต่างกันออกไปแล้วตามความสามารถของดาบและบุคลิกภาพของ เจ้าของ
2.วิถีมาร (Kidou) เป็นเวทมนตร์ ของยมทูต แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ
1.วิถีพิฆาตหรือวิถีทำลาย (Hadou)
2.วิถีผนึกหรือเรียกอีกอย่างว่าวิถีพันธนาการ(Bakudou)
3.ก้าวพริบตา (Shunpo)
4.การต่อสู้ด้วยมือเปล่า (Hakuda)
อนึ่ง ยังมีวิชาที่ผนวกเอาวิถีมาร(Kidou)กับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า(Hakuda)มาผสม กันเกิดเป็นวิชา "ยุทธพริบตาหรือชุนโค"(Shunko) อันมีลักษณะคล้ายใช้พลังของวิถีมารผสานไปกับกระบวนท่าต่อสู้ ซึ่งคิดค้นโดย ชิโฮอิน โยรุอิจิ ภายหลัง ซุยฟง ได้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเช่นกัน
ทักษะทั้งสี่ชนิดนั้น สำหรับยมทูตคนหนึ่งๆ จะฝึกฝนให้ช่ำชองทั้งสี่ประเภทเป็นไปได้ยากมาก ยก ตัวอย่างเช่น หน่วย 11 เน้นการต่อสู้ด้วยดาบกันตรงๆ โดยไม่สนใจจะใช้วิถีมาร จึงเป็นที่รวมของเหล่านักดาบฝีมือดี(ยกเว้นยูมิจิกะซึ่งถ้าปลดปล่อยดาบทั้งหมดจะเป็นวิถีมาร)ในขณะที่หน่วยอื่นๆ ก็จะมีคนที่ใช้ทั้งดาบ วิถีมาร ก้าวพริบตา ในการต่อสู้ สำหรับหน่วยลับ ก็เน้น ก้าวพริบตา กับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า อย่างซุยฟงซึ่งฝีกมาสองด้านนี้ ดาบฟันวิญญาณของชุยฟงเมื่อปลดปล่อยแล้วกลับมีขนาดเล็ก(ยกเว้นบันไคซึ่งจะใหญ่มาก) แต่ความสามารถก็เสริมส่งกับทักษะก้าวพริบตากับการต่อสู้ด้วยท่ามือเปล่าเป็น อย่างดี
ด้วย "ขีดจำกัดวิญญาณ" ดังกล่าว ดังนั้นจึงเกิดแนวคิด "ไขว่คว้าพลังอีกด้าน" มาเสริมขีดจำกัดนั้น อันเป็นที่มาของการที่ ฮอลโลว์ต้องการให้ได้มาซึ่งพลังยมทูตจึงพยายามถอดหน้ากากออกกำเนิดเผ่าอารัน คาร์ หรือยมทูตที่ได้พลังในส่วนฮอลโลว์มาที่เรียกว่า "ไวเซิร์ด"(กองทัพหัวกะโหลก)
วิชาของควินซี่
วิธี ต่อสู้ของควินซี่นั้น เน้นการหยิบยืม "อณูวิญญาณ" ในสภาพแวดล้อมรอบตัวมาควบแน่นด้วยพลังวิญญาณของตัวเองเพื่อสร้างอาวุธ ดังนั้นความแข็งแกร่งของควินซี่จึงขึ้นอยู่กับความชำนาญ การฝึกฝนและสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ ยิ่งอยู่ในพื้นที่ ที่มีอณูวิญญาณหนาแน่นมากเท่าใด (เช่น โซล โซไซตี้ ฮูเอโก มุนโด้ เป็นต้น)
1.ธนู เป็นการรวบรวมอณูวิญญาณ แล้วควบแน่นด้วยพลังกดดันวิญญาณของควินซี่จนมีรูปร่างเป็นธนู ใช้สำหรับยิงออกไปจู่โจม
2.เหยือเวหา เป็นท่าก้าวความเร็วสูง คล้ายกับก้าวพริบตาของยมทูต และคล้ายกับโซนีดของอารันคาร์
3.การ ใช้ Sele Schneider (เซเล่ ชไนเดอร์) โลหะแบนยาวมีห่วงที่ปลาย เป็นอุปกรณ์รวบรวมพลังกดดันวิญญาณ เมื่อมองเผินๆ เหมือนกับเป็นด้ามดาบที่มีพลังวิญญาณเป็นใบดาบ แต่แท้จริงแล้วมันคือ "ลูกศร" ชนิดหนึ่งที่มีพลังสูงกว่าลูกศรอณูวิญญาณทั่วไป และลูกศรชนิดนี้ อิชิดะ อุริว ได้ใช้ต่อสู้กับอดีตเอสปาด้า (พรีวารอน เอสปาด้า) ที่ชื่อ จิรุตจิ ธันเดอร์วิช หมายเลข105 และอารันคาร์ตนนี้ก็ได้พ่ายแพ้ต่อ อิชิดะ อุริว หลังจากนั้นจึงโดนพวกหน่วยล่าสังหาร (Executional force) ตามมาฆ่าอีกด้วย
4.การ ใช้ Sprenger (สเปรนเจอร์) เป็นการวาดดาวห้าแฉกโดยใช้การประสานของ ซีเล่ ชไนเดอร์กับหลอดเงินทำลายทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของมัน ที่ปลายด้ามของซีเล่ ชไนเดอร์จะรวบรวมประจุวิญญาณที่ศัตรูปล่อยออกมาระหว่างการต่อสู้ และสามารถให้มันดูดกลืนพลังที่เก็บไว้และสร้างขอบเขตขึ้นมา และใช้มันวาดออกมาเป็นควินซี่ ไซเชน และขั้นตอนสุดท้ายก็ใช้พลังวิญญาณที่สะสมอยู่ในหลอดเงินเพื่อเป็นตัวจุด ระเบิด และมันมีพลังมหาศาลมากที่สุด
[แก้] วิชาของอารันคาร์
1.Cero(เซโร่) หรือลำแสงศูนย์ เซโร่ เป็นวิชาพื้นฐานหลักของพวกอารันคาร์(ที่เปลี่ยนผ่านมาจาก ฮอลโลว์ชั้น เมนอส กรังเด้) สามารถปล่อยซีโร่ออกมาตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น มือ นิ้ว ปาก เป็นต้น สำหรับอารันคาร์ที่เก่งที่สุด สิบอันดับแรก หรือ เอสปาด้า จะมีเซโร่ที่รุนแรงยิ่งขึ้น เรียกว่า Grand Rei Cero (กรังด์ เรย์ เซโร่) หรือ ลำแสงศูนย์มหาราชันย์ แต่ตอนที่อุลคิโอร่าปลดปล่อยดาบแล้ว ได้ปล่อยเซโร่ออคคิวรัส(ลำแสงศูนย์ทมิฬ-เซโร่สีดำ) ซึ่งเจ้าตัวบอกเองว่าแรงกว่า กรังด์ เรย์ ซีโร่ หลายเท่า
2.Sonido(โซนีด หรือท่าเท้าความเร็วเสียง) เป็นท่าก้าว ความเร็วสูง คล้ายกับวิชา "ก้าวพริบตา" ของยมทูต หรือ "เหยียบเวหา" ของควินซี่
3.Resurrection (รีเซอร์เรคชั่น) หรือ การปลดปล่อยดาบฟันวิญญาณของ อารันคาร์ จะไม่ใช่การปลดปล่อยแบบยมทูต เมื่อปลดปล่อยแล้ว จะแปลงกลับสู่สภาพฮอลโลว์ของตน และมี "ถ้อยคำปลดปล่อยดาบฟันวิญญาณ" คล้ายยมทูต เช่น จงเสียดแทง-แพนเทร่า(กริมจอว์ แจ็คเกอร์แจ็ค) จงปิดกั้น-มูรเซียร์เอลาโก้(อุลคิโอร่า ซิฟเฟอร์)
4.Resurreccion Segunda Atapa(รีเซอร์เร็คชั่น เซกุนด้าเอตาป้า)การปลดปล่อยดาบขั้นที่2ของอารันคาร์(คล้ายๆปลดปล่อยสวัสดิกะของยมทูต)อารันคาร์ตนเดียวที่ทำได้คืออุลคิโอร่า
5 bala บาล้า เป็นการควบแน่นแรงดันวิญญาณเพื่อนยิงใส่ศัตรูแม้จะเบากว่าซีโร่7-8เท่าแต่ก็เร็วกว่าถึง20เท่า ยามี่เป็นคนคิดค้น
ที่มา:masook.com